คู่มือเจาะลึกเรื่องของเหลวรถยนต์ ชนิด, การดูแล, และการเปลี่ยนถ่าย

Natthamon
ผู้เขียน: Natthamon Published: May 26, 2025
Natthamon
Natthamon
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะน้าใบเขียว
ตรวจทาน: คะน้าใบเขียว Last edited: May 25, 2025
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
ของเหลวรถยนต์

รถยนต์ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนั้น ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนและระบบการทำงานที่ซับซ้อนมากมาย หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพก็คือ “ของเหลว” ต่าง ๆ ที่หล่อเลี้ยงและควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในรถยนต์ หากขาดการดูแลหรือละเลยการเปลี่ยนถ่าย ของเหลวรถยนต์ เหล่านี้ อาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สูงขึ้นได้

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเรื่อง ของเหลวรถ อย่างละเอียด ตั้งแต่ชนิดของของเหลว, หน้าที่, ความสำคัญ, วิธีการดูแล, ขั้นตอนการเปลี่ยนถ่าย, และข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถดูแลรักษารถยนต์ของคุณได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

ของเหลวในรถคืออะไร?

ของเหลวในรถ คือ สารหล่อลื่นและสารทำงานที่สำคัญ ซึ่งทำหน้าที่ต่าง ๆ ในระบบต่างๆ ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่, การระบายความร้อน, การส่งกำลัง, หรือการทำความสะอาดระบบ การดูแลรักษาและเปลี่ยนถ่าย ของเหลวรถยนต์ ตามระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยให้รถยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้

ระบบของเหลวรถยนต์ เป็นอย่างไร?

ระบบของ ของเหลวรถยนต์ ประกอบไปด้วยของเหลวหลายชนิด แต่ละชนิดมีหน้าที่และความสำคัญแตกต่างกัน ดังนี้

  • น้ำมันเครื่อง

ทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์, ลดแรงเสียดทาน, ระบายความร้อน, และทำความสะอาดเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องมีหลายเกรดและหลายชนิด ควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับชนิดของเครื่องยนต์และคำแนะนำของผู้ผลิต น้ำมันเครื่องเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลเครื่องยนต์ การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และอาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้

  • น้ำมันเกียร์ 

ทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเกียร์ ลดแรงเสียดทาน และช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ น้ำมันเกียร์มีทั้งแบบธรรมดาและแบบอัตโนมัติ ควรเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่ตรงตามข้อกำหนดของรถยนต์ การเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้การเปลี่ยนเกียร์ไม่ราบรื่น หรืออาจทำให้เกียร์เสียหายได้

  • น้ำมันเบรก

ทำหน้าที่ส่งแรงดันไปยังระบบเบรก เพื่อให้รถยนต์สามารถหยุดได้อย่างปลอดภัย น้ำมันเบรกมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น หากน้ำมันเบรกมีความชื้นสูง จะทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลง น้ำมันเบรกที่มีความชื้นสูงจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเบรกโดยตรง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการขับขี่

  • น้ำยาหล่อเย็น

ทำหน้าที่ระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนจัด น้ำยาหล่อเย็นมีส่วนผสมของสารป้องกันการกัดกร่อนและสารป้องกันการแข็งตัว การใช้น้ำยาหล่อเย็นที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดสนิมและการกัดกร่อนภายในระบบหล่อเย็น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์

  • น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์

ทำหน้าที่ช่วยผ่อนแรงในการหมุนพวงมาลัย ทำให้การควบคุมรถง่ายขึ้น น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์มีทั้งแบบไฮดรอลิกและแบบไฟฟ้า น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ที่เสื่อมสภาพอาจทำให้พวงมาลัยหนักขึ้น และอาจทำให้เกิดเสียงดังขณะหมุนพวงมาลัย

  • น้ำยาล้างกระจก

ทำหน้าที่ทำความสะอาดกระจกหน้ารถและกระจกหลัง ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น การเลือกใช้น้ำยาล้างกระจกที่มีคุณภาพจะช่วยขจัดคราบสกปรกและแมลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งคราบ

ตารางสรุปชนิดของเหลวในรถยนต์และหน้าที่

ของเหลวหน้าที่หลักระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายโดยประมาณ
น้ำมันเครื่องหล่อลื่น, ระบายความร้อน, ทำความสะอาดเครื่องยนต์ทุก 5,000 – 10,000 กม. หรือทุก 6-12 เดือน
น้ำมันเกียร์หล่อลื่น, ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ทุก 40,000 – 80,000 กม. หรือตามคู่มือรถยนต์
น้ำมันเบรกส่งแรงดันไปยังระบบเบรกทุก 2 ปี
น้ำยาหล่อเย็นระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ทุก 2-5 ปี
น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงในการหมุนพวงมาลัยตามคู่มือรถยนต์ (ส่วนใหญ่ทุก 2-3 ปี)
น้ำยาล้างกระจกทำความสะอาดกระจกเติมเมื่อระดับน้ำลดลง

เปลี่ยนของเหลวรถ มีขั้นตอนอย่างไร?

การเปลี่ยนของเหลวรถยนต์ เป็นขั้นตอนการบำรุงรักษารถยนต์ที่สำคัญ เพื่อให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ การเปลี่ยนของเหลวแต่ละชนิดมีขั้นตอนที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

  1. เตรียมอุปกรณ์ : เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ประแจ, บล็อก, ถังรองน้ำมัน, กรวย, และผ้าเช็ดทำความสะอาด
  2. เตรียมของเหลวใหม่ : เลือกซื้อของเหลวชนิดที่ต้องการเปลี่ยน โดยเลือกชนิดและเกรดที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ
  3. ถ่ายของเหลวเก่า : ถ่ายของเหลวเก่าออกจากระบบ โดยเปิดช่องระบายและรองรับของเหลวเก่าด้วยถังรองน้ำมัน
  4. ทำความสะอาด : ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ช่องระบายและช่องเติมของเหลว
  5. เติมของเหลวใหม่ : เติมของเหลวใหม่ลงในระบบตามปริมาณที่กำหนด โดยใช้กรวยช่วยในการเติม
  6. ตรวจสอบระดับ : ตรวจสอบระดับของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตามที่คู่มือกำหนด
  7. ตรวจสอบรอยรั่ว : ตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ ช่องระบายและช่องเติม เพื่อหารอยรั่วซึม
  8. ทดสอบการทำงาน : ทดสอบการทำงานของระบบที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบเบรก, ระบบเกียร์, หรือระบบพวงมาลัย

ขั้นตอนการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

  1. เตรียมอุปกรณ์ : ประแจ, บล็อก, ถังรองน้ำมัน, กรวย, ผ้าเช็ดทำความสะอาด, น้ำมันเครื่องใหม่, ไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่
  2. อุ่นเครื่องยนต์ : สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนได้ดี
  3. ยกรถ : ยกรถขึ้นด้วยแม่แรง หรือใช้แท่นยกรถ
  4. เปิดช่องระบายน้ำมันเครื่อง : หาตำแหน่งของช่องระบายน้ำมันเครื่องใต้ท้องรถ และใช้ประแจเปิดช่องระบาย
  5. รองรับน้ำมันเครื่องเก่า : วางถังรองน้ำมันไว้ใต้ช่องระบาย เพื่อรองรับน้ำมันเครื่องเก่าที่ไหลออกมา
  6. ถอดไส้กรองน้ำมันเครื่องเก่า : ใช้บล็อกถอดไส้กรองน้ำมันเครื่องเก่าออก
  7. ติดตั้งไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่ : ทาน้ำมันเครื่องเล็กน้อยที่ยางโอริงของไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่ และติดตั้งไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่เข้ากับตำแหน่งเดิม
  8. ปิดช่องระบายน้ำมันเครื่อง : ขันช่องระบายน้ำมันเครื่องให้แน่น
  9. เติมน้ำมันเครื่องใหม่ : เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องด้านบนเครื่องยนต์ และใช้กรวยเติมน้ำมันเครื่องใหม่ลงไปตามปริมาณที่กำหนด (ดูปริมาณที่คู่มือกำหนด)
  10. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง : ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาเช็ดทำความสะอาด แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นดึงออกมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  11. สตาร์ทเครื่องยนต์ : สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วดับเครื่องยนต์
  12. ตรวจสอบรอยรั่ว : ตรวจสอบบริเวณรอบ ๆ ช่องระบายและไส้กรองน้ำมันเครื่อง เพื่อหารอยรั่วซึม
  13. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง : หลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว รอประมาณ 5 นาที แล้วตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง หากระดับน้ำมันเครื่องต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม ให้เติมน้ำมันเครื่องเพิ่ม

การถ่ายของเหลวรถยนต์ทำอย่างไร?

การถ่ายของเหลวรถ คือ กระบวนการนำของเหลวเก่าออกจากระบบต่างๆ ของรถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติมของเหลวใหม่ การถ่ายของเหลวแต่ละชนิดมีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีหลักการคล้ายกัน คือ

  • หาช่องระบาย : หาตำแหน่งของช่องระบายของเหลวที่ต้องการถ่าย
  • เปิดช่องระบาย : เปิดช่องระบายเพื่อปล่อยให้ของเหลวเก่าไหลออกมา
  • รองรับของเหลวเก่า : รองรับของเหลวเก่าด้วยภาชนะที่เหมาะสม
  • ปิดช่องระบาย : เมื่อของเหลวเก่าไหลออกมาจนหมดแล้ว ให้ปิดช่องระบายให้แน่น

การถ่ายน้ำยาหล่อเย็น

  1. รอให้เครื่องเย็น : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์เย็นสนิทก่อนเริ่มทำการถ่ายน้ำยาหล่อเย็น
  2. หาช่องระบาย : หาตำแหน่งของช่องระบายน้ำยาหล่อเย็น (มักจะอยู่บริเวณด้านล่างของหม้อน้ำ)
  3. เตรียมภาชนะ : เตรียมภาชนะสำหรับรองรับน้ำยาหล่อเย็นเก่า
  4. เปิดฝาหม้อน้ำ : เปิดฝาหม้อน้ำเพื่อช่วยในการระบายน้ำยาหล่อเย็น
  5. เปิดช่องระบาย : เปิดช่องระบายน้ำยาหล่อเย็น
  6. รองรับน้ำยาหล่อเย็นเก่า : รอจนกว่าน้ำยาหล่อเย็นจะไหลออกมาจนหมด
  7. ปิดช่องระบาย : ปิดช่องระบายให้แน่น
  8. เติมน้ำยาหล่อเย็นใหม่ : เติมน้ำยาหล่อเย็นใหม่ตามปริมาณที่กำหนด

ข้อควรระวัง

  • ระมัดระวังความร้อนจากเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ก่อนทำการถ่ายของเหลว
  • ควรสวมถุงมือและแว่นตาป้องกัน เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารเคมี
  • กำจัดของเหลวเก่าอย่างถูกวิธี โดยไม่ทิ้งลงในท่อระบายน้ำหรือแหล่งน้ำ

การเปลี่ยนของเหลวรถยนต์ทั้งคัน

การเปลี่ยนของเหลวรถทั้งคัน เป็นการบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่ครอบคลุม ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ การเปลี่ยนของเหลวในรถยนต์ทั้งคันควรทำตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถยนต์ หรือตามคำแนะนำของช่างผู้เชี่ยวชาญ

ข้อดีของการเปลี่ยนของเหลวในรถทั้งคัน

  • ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากของเหลวที่เสื่อมสภาพ
  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ
  • ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขับขี่ ทำให้การขับรถของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เปลี่ยนของเหลวรถ

ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนของเหลวในรถทั้งคัน

ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน ของเหลวรถยนต์ ทั้งคันจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของรถยนต์, ชนิดของของเหลวที่ใช้, และค่าแรงของช่าง โดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายจะอยู่ระหว่าง 5,000 – 15,000 บาท

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ศึกษาคู่มือรถยนต์ของคุณ เพื่อทราบระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายของเหลวแต่ละชนิด
  • ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษารถยนต์ของคุณ
  • บันทึกวันที่และระยะทางที่ทำการเปลี่ยนของเหลวแต่ละครั้ง เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามและวางแผนการบำรุงรักษาในอนาคต

ของเหลวรถยนต์ หรือ ของเหลวในรถ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การดูแลรักษาและเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ อย่าละเลยการดูแลระบบของ ของเหลวรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ของคุณ

แรบบิท แคร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยคุณเลือกแผนประกันที่ตรงใจได้สะดวกสบาย พร้อมการคุ้มครองครอบคลุมทุกความต้องการ และบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงจากทีมงานมืออาชีพ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุด!

สรุป

การดูแลรักษาและเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ ดังนั้น อย่าละเลยการดูแลระบบของของเหลวรถยนต์ โดยของเหลวแต่ละแบบ จะมีอายุในการเปลี่ยนถ่ายแตกต่างกันออกไป

ที่มา

บทความแคร์รถยนต์

Rabbit Care Blog Image 101577

แคร์รถยนต์

น้ำมัน E85 คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย และทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับเชื้อเพลิงทางเลือก

ในยุคที่พลังงานทางเลือกกลายเป็นหัวข้อสำคัญ ทั้งจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผันผวน "น้ำมัน E85"
Natthamon
27/05/2025
Rabbit Care Blog Image 101563

แคร์รถยนต์

เคล็ดลับดับกลิ่นรถใหม่! พร้อมวิธีทำให้รถหอมสดชื่น

กลิ่นรถใหม่... สำหรับบางคนอาจเป็นเสน่ห์เย้ายวนใจที่บ่งบอกถึงความสดใหม่ของรถยนต์คันโปรด แต่สำหรับหลาย ๆ คน กลิ่นรถใหม่กลับเป็นฝันร้ายที่ทำให้เวียนหัว
Natthamon
26/05/2025
Rabbit Care Blog Image 101553

แคร์รถยนต์

ลืมกุญแจไว้ในรถ รถล็อคเอง! ไขปัญหาวิกฤตและวิธีป้องกัน

เคยไหมที่จอดรถไว้ข้างทาง เดินลงจากรถไปทำธุระเพียงครู่เดียว พอกลับมาถึงรถกลับพบว่าประตูรถล็อคสนิท แถมกุญแจรถก็วางอยู่บนเบาะข้างใน นั่นคือสถานการณ์
Natthamon
26/05/2025