ล้างแอร์รถยนต์ แพงหรือไม่ จำเป็นต้องล้างบ่อยแค่ไหน ?
ล้างแอร์รถยนต์ หนึ่งในขั้นตอนการดูแลรถยนต์ที่คนรักรถทุกคนจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าในปัจจุบันนั้นผู้ใช้งานรถบางท่านอาจจะคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องล้างแอร์ให้กับรถ เพียงเติมน้ำยาแอร์ก็เพียงพอ แต่ความจริงแล้วความคิดนี้เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง วันนี้ แรบบิท แคร์ จึงนำเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับการล้างแอร์รถยนต์มาฝากทุกคนกัน
ล้างแอร์รถยนต์ คืออะไร มีกี่ประเภท
การล้างแอร์รถยนต์ หรือการทำความสะอาดแอร์รถยนต์ คือการกำจัดสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ในจุดต่าง ๆ ของแอร์รถยนต์ของเรา เพื่อป้องการการอุดตัน และคงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีดังเดิม โดยการล้างแอร์รถยนต์นั้น ก็สามารถเลือกล้างได้หลายแบบด้วยกัน ทั้งการล้างแบบไม่ถอดตู้ การล้างแบบถอดตู้ หรือแม้กระทั่งการล้างทำความสะอาดเองที่บ้าน ซึ่งเจ้าของรถยนต์สามารถพิจารณาเลือกได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสกปรกของแอร์ งบประมาณที่มี ระยะเวลาที่มี เป็นต้น
1. ล้างแอร์รถยนต์ ไม่ถอดตู้
การล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยใช้เครื่องมือเฉพาะในการทำความสะอาดแอร์ ซึ่งจะมีการสอดกล้อง และอุปกรณ์เข้าไปล้างภายในตู้แอร์ โดยไม่ต้องรื้อแผงคอนโซลออก (คล้ายกับการผ่าตัดส่องกล้องในทางการแพทย์)
แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือระดับความสะอาดที่ทำได้จะอยู่ที่ประมาณ 70-80% เมื่อเทียบกับการล้างแบบถอดตู้ แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานต่อไปได้อีกประมาณ 1-2 ปี หรือประมาณ 20,000 กิโลเมตร ข้อดีคือใช้เวลาน้อยกว่าและไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้แผงคอนโซลเสียหายจากการรื้อ และประกอบนั่นเอง
2. ล้างแอร์รถยนต์ ถอดตู้
การล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้เป็นวิธีการทำความสะอาดแอร์ที่นิยมใช้มานาน โดยจะถอดตู้แอร์ออกมาทั้งแผงเพื่อทำความสะอาดคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนด้านนอก ทำให้สามารถกำจัดสิ่งสกปรกได้อย่างทั่วถึงและสะอาดทุกจุด
อย่างไรก็ตามข้อเสียของวิธีนี้คือการที่ต้องรื้อแผงคอนโซลหน้าของรถออก ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เพราะมีความเสี่ยงที่ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์จะเกิดความเสียหาย นอกจากนี้การประกอบชิ้นส่วนกลับอาจไม่สมบูรณ์เหมือนตอนติดตั้งออกมาจากโรงงานผลิตรถยนต์ อีกทั้งหลังจากล้างแอร์เสร็จแล้ว ยังต้องทำการแวคคั่ม และเติมน้ำยาแอร์ใหม่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลานานอย่างน้อยครึ่งวัน
ล้างแอร์รถยนต์ จําเป็นไหม ?
ในส่วนของเจ้าของรถยนตืบางท่านอาจเกิดความสงสัยว่าการล้างแอร์รถยนต์จำเป็นหรือไม่ หากไม่ล้างจะได้ไหม คำตอบก็คือการล้างแอร์รถยนต์นั้นจำเป็นมาก ไม่เพียงส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งาน กลิ่น และความเย็นของแอร์รถยนต์เพียงเท่านั้น แต่การล้างแอร์รถยนต์ยังเป็นการบำรุงรักษาเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน เพราะหากปล่อยให้แอร์รถยนต์ของเรามีสิ่งผิดปกติสะสมอยู่มาก อาจส่งผลให้ต้องเปลี่ยนคอยล์เย็น หรือตู้แอร์ยกชุด ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว
ล้างแอร์รถยนต์ ราคาเท่าไหร่ ?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าการล้างแอร์รถยนต์นั้นแพงหรือไม่ ล้างแอร์รถยนต์ กี่บาท ทั้งนี้ราคาของการล้างแอร์รถยนต์นั้นจะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกทำการล้างแบบไหน ถอดตู้ หรือไม่ถอดตู้ โดยจะมีความแตกต่างทางด้านราคา ดังนี้
- ล้างแอร์รถยนต์ ไม่ถอดตู้ ราคา : ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อย และไม่เกิน 1,000 บาท
- ล้างแอร์รถยนต์ ถอดตู้ ราคา : ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงหลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลายพันบาท
ล้างแอร์รถยนต์ ใช้เวลานานไหม ?
ในส่วนของเจ้าของรถที่มีระยะเวลาจำกัด หรือต้องการวางแผนการจัดการเวลาในการนำรถไปล้างแอร์ และต้องการทราบว่าล้างแอร์รถยนต์ นานไหม โดยปกติแล้วหากทำการล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้ จะใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 นาที และการล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้จะใช้ระยะเวลาในการล้างเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณครึ่งวัน เนื่องจากจะต้องทำการรื้อส่วนประกอบออกมาล้างทำความสะอาด และทำการประกอบเข้าไปใหม่ดังเดิม
ล้างแอร์รถยนต์ ควรล้างตอนไหน ?
ควรล้างแอร์รถยนต์ตอนไหน โดยปกติแล้วการล้างแอร์รถยนต์ควรทำทุก ๆ 1-2 ปี หรือเมื่อใช้งานครบ 20,000 กิโลเมตร แต่หากพบปัญหาเกี่ยวกับระบบแอร์ เช่น มีกลิ่นอับจากช่องแอร์ หรือลมแอร์เบาลง การล้างแอร์อาจช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวในเบื้องต้นได้เช่นกัน
นอกจากนี้ลักษณะการใช้งานของเจ้าของรถอาจทำให้ระบบแอร์ตันเร็วขึ้น เช่น การใช้สเปรย์ หรือน้ำหอมในรถ การขับรถในพื้นที่ที่มีฝุ่นมาก เจ้าของรถยนต์จึงควรสังเกตสัญญาณผิดปกติของแอร์อยู่เสมอ และรีบแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะรุนแรงจนต้องเปลี่ยนคอยล์เย็น หรือตู้แอร์ เพราะหากเรารับรู้ถึงสัญญาณผิดปกติเหล่านี้ และทำการล้างแอร์รถยนต์ได้ทันท่วงที ก็จะทำให้ป้องกันปัญหาใหญ่เหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้นั่นเอง
ล้างแอร์รถยนต์ เติมน้ํายาแอร์ ราคาเท่าไหร่ ?
อย่างที่ได้ทราบเกี่ยวกับราคาของการล้างแอร์รถยนต์ไปในหัวข้อก่อน ๆ แล้วว่า ราคาการล้างแอร์ก็จะแตกต่างการไปตามแต่วิธีการล้างที่เจ้าของรถได้เลือก โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยไม่เกิน 1,000 บาท ไปจนถึงหลักหลายพันบาท และส่วนราคาในการเติมน้ำยาแอร์นั้นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 800 – 2,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดที่เติม
หากไม่ล้างแอร์รถยนต์จะส่งผลเสียอย่างไร ?
ทราบถึงข้อดีหรือความจำเป็นในการล้างแอร์รถยนต์กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลองมาดูกันดีกว่าว่า หากเราไม่ทำการล้างแอร์รถยนต์ จะส่งผลเสียต่อรถ และเจ้าของรถยนต์อย่างไรบ้าง
- มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ : สิ่งสกปรกที่สะสมในระบบแอร์ เช่น ฝุ่นละออง เชื้อรา และแบคทีเรีย จะทำให้เกิดกลิ่นอับ หรือกลิ่นเหม็นจากช่องแอร์ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ รวมถึงความสะดวกสบายในการขับขี่
- ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดลง : สิ่งสกปรกที่สะสมในคอยล์เย็น และช่องลมทำให้การระบายความเย็นไม่เต็มที่ ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักขึ้น และลมแอร์ที่ออกมามีความเย็นน้อยลง
- ระบบแอร์ตันหรืออุดตัน : ฝุ่น และสิ่งสกปรกที่สะสมอาจทำให้ท่อแอร์หรือคอยล์เย็นอุดตัน ซึ่งจะลดประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ และอาจทำให้ระบบแอร์เสียหายได้
- แอร์เสียงดัง : เมื่อมีสิ่งสกปรกอุดตันในระบบ พัดลม หรือคอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังจากระบบแอร์ขณะใช้งาน
- เพิ่มภาระให้กับคอมเพรสเซอร์ : การที่แอร์ทำงานหนักขึ้นจากการอุดตัน หรือสิ่งสกปรกจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์สั้นลง และอาจเกิดความเสียหายจนต้องเปลี่ยนใหม่
- เพิ่มค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง : การละเลยการล้างแอร์เป็นเวลานานอาจทำให้ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่างที่เสียหาย ซึ่งอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการดูแลรักษารถ
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากไม่ยอมทำการล้างแอร์รถยนต์ จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่านอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่ ความสะดวกสบายในการใช้งาน ก็อาจส่งผลให้ต้องเสียเงินในการว่อมบำรุงจำนวนมากเลยทีเดียว
ล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเองได้ไหม ?
การล้างแอร์รถยนต์เองสามารถทำได้และเป็นวิธีที่หลายคนมองว่าประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องนำรถไปให้ช่างทำ โดยใช้สเปรย์ทำความสะอาดแอร์ฉีดเข้าไปในช่องแอร์ ข้อดีคือ ทำได้ง่ายและสะดวก สามารถล้างเมื่อใดก็ได้ แต่ข้อเสียของการล้างแอร์รถยนต์ด้วยตัวเองคือการกำจัดสิ่งสกปรกอาจไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร และอาจต้องล้างหลายครั้งกว่าจะรู้สึกว่าแอร์รถยนต์ของเรากลับมาสะอาดอีกครั้ง
สรุป
ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลเบื้องต้นที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการดูแลแอร์ของรถยนต์ที่เจ้าของรถทุกคนควรทราบเอาไว้ นอกจากนี้สิ่งสำคัญในการดูแลรถยนต์ที่จะขาดไปไม่ได้ ก็คือการทำประกันรถยนต์ กับ แรบบิท แคร์ เอาไว้ จะได้ดูแลรถยนต์ของเราได้อย่างครอบคลุม อุ่นใจ ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายไม่คาดฝันให้ต้องจ่ายเมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นนั่นเอง ผู้ที่สนใจสามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์พร้อมกับทำประกันออนไลน์กับทางแรบบิท แคร์ ได้เลย
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology