สู้ภัยฤดูร้อน เคล็ดลับดูแลรถหน้าร้อนที่คุณต้องรู้





ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนระอุ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่แผดเผา การดูแลรักษารถยนต์หน้าร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่ และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์อีกด้วย
อุณหภูมิที่สูงขึ้นในหน้าร้อนส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ ทั้งเครื่องยนต์ ระบบหล่อเย็น ยางรถยนต์ และแบตเตอรี่ หากละเลยการดูแลรักษา อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้คุณต้องเสียทั้งเงินและเวลา
ฤดูร้อน คือ อะไร
ฤดูร้อน คือ ช่วงเวลาของปีที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ มักเป็นช่วงที่โลกได้รับแสงอาทิตย์โดยตรงนานที่สุด ในประเทศไทย หน้าร้อนมักเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนจัดส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งของต่าง ๆ รอบตัว รวมถึงรถยนต์ของเราด้วย
ฤดูร้อน เดือนไหน
ในประเทศไทย หน้าร้อนโดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม โดยเดือนเมษายนถือเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของปี อุณหภูมิในหน้าร้อนเฉลี่ยอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้นในบางพื้นที่ การเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
การบํารุงรักษา คือ อะไร
การบํารุงรักษา คือ กระบวนการดูแลรักษาสภาพของสิ่งของต่างๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตรวจสอบ ซ่อมแซม และเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับรถยนต์ การบำรุงรักษาเป็นประจำจะช่วยให้รถมีสมรรถนะที่ดี ประหยัดน้ำมัน และปลอดภัยในการขับขี่ระหว่างหน้าร้อน

การบำรุงรักษารถยนต์ 30 ข้อ มีอะไรบ้าง
การบำรุงรักษารถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้รถของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน ลองมาดูรายการบำรุงรักษา 30 ข้อ ที่คุณควรทำเป็นประจำ
- ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น (Coolant Level) : ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม น้ำหล่อเย็นมีหน้าที่ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ หากระดับน้ำหล่อเย็นต่ำเกินไป เครื่องยนต์อาจร้อนจัดและเสียหายได้
- ตรวจสอบสภาพหม้อน้ำ (Radiator) : ตรวจสอบว่าหม้อน้ำมีรอยรั่วหรือไม่ และทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อาจอุดตันช่องระบายความร้อน
- ตรวจสอบท่อยางต่างๆ (Hoses) : ตรวจสอบท่อยางต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับหม้อน้ำและเครื่องยนต์ว่ามีรอยแตก รั่ว หรือบวมหรือไม่ หากพบความผิดปกติ ควรรีบเปลี่ยนทันที
- ตรวจสอบพัดลมระบายความร้อน (Cooling Fan) : ตรวจสอบว่าพัดลมระบายความร้อนทำงานปกติเมื่อเครื่องยนต์ร้อนถึงอุณหภูมิที่กำหนด พัดลมระบายความร้อนมีหน้าที่ช่วยระบายความร้อนออกจากหม้อน้ำ
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง (Engine Oil Change) : เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด น้ำมันเครื่องมีหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก (Brake Fluid Level) : ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกในกระปุกพักน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม น้ำมันเบรกมีหน้าที่ส่งแรงไปยังระบบเบรก หากระดับน้ำมันเบรกลดลง อาจทำให้เบรกทำงานไม่ปกติ
- ตรวจสอบผ้าเบรก (Brake Pads) : ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก หากผ้าเบรกบางเกินไป จะทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกลดลง และอาจทำให้จานเบรกเสียหายได้
- ตรวจสอบระบบเบรก ABS (ABS System) : ตรวจสอบว่าระบบเบรก ABS ทำงานปกติหรือไม่ ระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน
- ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ (Tire Condition) : ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ว่ามีรอยแตก รั่ว หรือบวมหรือไม่ และตรวจสอบความลึกของดอกยาง
- เติมลมยางให้ถูกต้อง (Tire Pressure) : เติมลมยางให้ถูกต้องตามค่าที่กำหนดในคู่มือรถยนต์ การเติมลมยางที่เหมาะสมจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันและยืดอายุการใช้งานของยาง
- สลับยาง (Tire Rotation) : สลับยางตามระยะทางที่กำหนด เพื่อให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ
- ถ่วงล้อ (Wheel Balancing) : ถ่วงล้อเพื่อให้ล้อหมุนได้อย่างสมดุล ลดการสั่นสะเทือนขณะขับขี่
- ตั้งศูนย์ล้อ (Wheel Alignment) : ตั้งศูนย์ล้อเพื่อให้ล้ออยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นและลดการสึกหรอของยาง
- ตรวจสอบแบตเตอรี่ (Battery) : ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่าสะอาดและแน่นหนาหรือไม่ และตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ (สำหรับแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น)
- ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง (Lighting System) : ตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟเบรกว่าทำงานปกติหรือไม่
- ตรวจสอบระบบปัดน้ำฝน (Windshield Wiper System) : ตรวจสอบใบปัดน้ำฝนว่ายังปัดได้สะอาดหรือไม่ และเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำ
- ตรวจสอบระบบปรับอากาศ (Air Conditioning System) : ตรวจสอบว่าระบบปรับอากาศทำงานปกติหรือไม่ และทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ
- ตรวจสอบไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ (Engine Air Filter) : ตรวจสอบว่าไส้กรองอากาศเครื่องยนต์สะอาดหรือไม่ หากสกปรกมาก ควรรีบเปลี่ยน
- ตรวจสอบไส้กรองอากาศแอร์ (Cabin Air Filter) : ตรวจสอบว่าไส้กรองอากาศแอร์สะอาดหรือไม่ หากสกปรกมาก ควรรีบเปลี่ยน
- ตรวจสอบสายพานต่างๆ (Belts): ตรวจสอบสายพานต่าง ๆ ว่ามีรอยแตก รั่ว หรือบวมหรือไม่ หากพบความผิดปกติ ควรรีบเปลี่ยนทันที
- ตรวจสอบระบบท่อไอเสีย (Exhaust System) : ตรวจสอบระบบท่อไอเสียว่ามีรอยรั่วหรือไม่
- ตรวจสอบช่วงล่าง (Suspension): ตรวจสอบช่วงล่างว่ามีส่วนใดเสียหายหรือไม่ เช่น โช้คอัพ ลูกหมาก ปีกนก
- ตรวจสอบระบบเกียร์ (Transmission) : ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด
- ตรวจสอบระบบพวงมาลัย (Steering System) : ตรวจสอบระบบพวงมาลัยว่าทำงานปกติหรือไม่
- ทำความสะอาดรถ (Car Cleaning) : ล้างรถและเคลือบสีรถเป็นประจำ เพื่อป้องกันสีรถซีดจางจากแสงแดด
- เคลือบสีรถ (Car Waxing) : เคลือบสีรถเพื่อปกป้องสีรถจากแสงแดดและรังสี UV
- ดูแลภายในรถ (Interior Care) : ทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและเชื้อโรค
- ตรวจสอบอุปกรณ์ฉุกเฉิน (Emergency Kit) : ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ฉุกเฉินในรถพร้อมใช้งานหรือไม่ เช่น ยางอะไหล่ แม่แรง เครื่องมือพื้นฐาน สายพ่วงแบตเตอรี่
- ตรวจสอบเอกสารประจำรถ (Vehicle Documents) : ตรวจสอบว่าเอกสารประจำรถ เช่น พรบ. ทะเบียนรถ ใบขับขี่ ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน
- นำรถเข้าศูนย์บริการ (Service Center) : นำรถเข้าศูนย์บริการตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและบำรุงรักษารถอย่างละเอียด
ตารางสรุปการบํารุงรักษารถยนต์ มีอะไรบ้าง ตามระยะเวลา
รายการดูแลรักษารถยนต์ | ทุกเดือน | ทุก 6 เดือน | ทุก 1 ปี | ทุก 2 ปี |
ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น | ✅ | |||
ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ | ✅ | |||
เติมลมยางให้ถูกต้อง | ✅ | |||
ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง | ✅ | |||
ตรวจสอบผ้าเบรก | ✅ | |||
ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง | ✅ | |||
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง | ✅ | |||
เปลี่ยนไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ | ✅ | |||
เปลี่ยนไส้กรองอากาศแอร์ | ✅ | |||
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก | ✅ | |||
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ | ✅ | |||
เปลี่ยนน้ำหล่อเย็น | ✅ |
เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์แต่ละประเภท
รายการ | รถยนต์ขนาดเล็ก | รถยนต์ขนาดกลาง | รถยนต์ขนาดใหญ่ |
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง | 1,500 บาท | 2,000 บาท | 2,500 บาท |
เปลี่ยนยางรถยนต์ | 8,000 บาท | 12,000 บาท | 16,000 บาท |
แบตเตอรี่ | 2,500 บาท | 3,500 บาท | 4,500 บาท |
วิธีป้องกันไม่ให้ เครื่องยนต์ ร้อนจัด ทำอย่างไร
เครื่องยนต์ร้อนจัดเป็นปัญหาที่พบบ่อยในช่วงฤดูร้อน สาเหตุหลักมาจากระบบระบายความร้อนทำงานไม่เต็มที่ หรือเกิดจากความผิดปกติอื่นๆ ลองมาดูวิธีป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนจัด:
- ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นเป็นประจำ : ระดับน้ำหล่อเย็นที่ต่ำเกินไปเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ
- ตรวจสอบสภาพหม้อน้ำและท่อยาง : หม้อน้ำและท่อยางที่เก่าหรือชำรุดอาจทำให้เกิดการรั่วซึมของน้ำหล่อเย็น ทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดได้
- หลีกเลี่ยงการขับรถในสภาพการจราจรติดขัด : การขับรถในสภาพการจราจรติดขัดเป็นเวลานาน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและเกิดความร้อนสูง
- พักรถเป็นระยะ : หากต้องขับรถทางไกล ควรพักรถเป็นระยะ เพื่อให้เครื่องยนต์ได้พักและระบายความร้อน
- เลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ : น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพจะช่วยระบายความร้อนและหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ได้ดี
- ตรวจสอบพัดลมระบายความร้อน : ตรวจสอบว่าพัดลมระบายความร้อนทำงานปกติเมื่อเครื่องยนต์ร้อนถึงอุณหภูมิที่กำหนด
- หลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักเกินไป : การบรรทุกของหนักเกินไป ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและเกิดความร้อนสูง
- ดูแลรักษาระบบปรับอากาศ : ระบบปรับอากาศที่ทำงานหนักเกินไป จะทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานมากขึ้นและเกิดความร้อนสูง
- ล้างรถเป็นประจำ : การล้างรถเป็นประจำจะช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจอุดตันช่องระบายความร้อน
- นำรถเข้าศูนย์บริการเป็นประจำ : การนำรถเข้าศูนย์บริการเป็นประจำ จะช่วยให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและบำรุงรักษารถอย่างละเอียด ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ฤดูร้อนกับการดูแลรักษารถยนต์ ความสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม
ฤดูร้อนในประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาที่อากาศร้อนอบอ้าว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่รถยนต์ของเราต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักหน่วง อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของรถยนต์โดยตรง ทำให้การดูแลรักษารถยนต์ในช่วงฤดูร้อนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
- ความร้อนและระบบหล่อเย็น : อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูงขึ้นตามไปด้วย ระบบหล่อเย็นต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาระดับความร้อนให้เหมาะสม หากระบบหล่อเย็นทำงานไม่เต็มที่ หรือเกิดปัญหา เช่น น้ำหล่อเย็นรั่ว หม้อน้ำอุดตัน อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเสียหายได้
- ยางรถยนต์และความดันลมยาง : ความร้อนทำให้ความดันลมยางสูงขึ้น หากเติมลมยางมากเกินไป อาจทำให้ยางระเบิดได้ นอกจากนี้ ความร้อนยังทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น ดังนั้น การตรวจสอบสภาพยางและเติมลมยางให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- แบตเตอรี่และความร้อน : ความร้อนเป็นศัตรูตัวร้ายของแบตเตอรี่ ความร้อนสูงจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอาจทำให้แบตเตอรี่หมดไฟได้ การตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่และทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งจำเป็น
- สีรถและความร้อน : แสงแดดและความร้อนทำให้สีรถซีดจางและเสื่อมสภาพ การเคลือบสีรถจะช่วยปกป้องสีรถจากแสงแดดและรังสี UV
- ภายในรถและความร้อน : ความร้อนภายในรถอาจสูงถึง 60-70 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารและอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในรถเสียหายได้ การจอดรถในที่ร่มหรือใช้แผ่นบังแดดจะช่วยลดความร้อนภายในรถได้
การบำรุงรักษารถยนต์เชิงป้องกัน กุญแจสำคัญสู่การใช้งานที่ยาวนาน
การบำรุงรักษารถยนต์เชิงป้องกัน คือ การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การบำรุงรักษารถยนต์เชิงป้องกันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน
- การตรวจสอบเป็นประจำ : ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และของเหลวอื่นๆ เป็นประจำ
- การเปลี่ยนถ่ายตามระยะ : เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และของเหลวอื่นๆ ตามระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด
- การตรวจสอบสภาพ : ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ ผ้าเบรก ระบบไฟส่องสว่าง ระบบปัดน้ำฝน และส่วนประกอบอื่นๆ เป็นประจำ
- การทำความสะอาด : ล้างรถและเคลือบสีรถเป็นประจำ ทำความสะอาดภายในรถและช่องระบายอากาศ
- การซ่อมแซม : ซ่อมแซมส่วนประกอบที่ชำรุดหรือสึกหรอทันที

ข้อควรระวังเพิ่มเติมในช่วงฤดูร้อน
นอกจากการบำรุงรักษารถยนต์ตามปกติแล้ว ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมที่คุณควรใส่ใจในช่วงฤดูร้อน
- อย่าทิ้งสิ่งของที่ไวต่อความร้อนไว้ในรถ เช่น ไฟแช็ก สเปรย์กระป๋อง โทรศัพท์มือถือ
- ระวังการจอดรถบนพื้นผิวที่ร้อน เช่น พื้นคอนกรีต พื้นยางมะตอย
- ตรวจสอบอุณหภูมิเครื่องยนต์เป็นประจำ สังเกตเกจวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ หากพบว่าอุณหภูมิสูงเกินไป ควรรีบจอดรถและตรวจสอบ
- เตรียมน้ำดื่มให้พร้อม หากต้องขับรถทางไกล ควรเตรียมน้ำดื่มให้พร้อม เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
การดูแลรักษารถยนต์ในช่วงฤดูร้อนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ การตรวจสอบสภาพรถยนต์เป็นประจำ การบำรุงรักษารถยนต์เชิงป้องกัน และการใส่ใจข้อควรระวังเพิ่มเติม จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถยนต์ของคุณพร้อมใช้งานตลอดฤดูร้อนนี้
- ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและสภาพหม้อน้ำเป็นประจำ
- ดูแลรักษาระบบเบรกและยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี
- ตรวจสอบแบตเตอรี่และระบบไฟส่องสว่าง
- ทำความสะอาดรถและเคลือบสีรถเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัด
แรบบิท แคร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์
มองหาประกันรถยนต์ที่ใช่ ในช่วงหน้าร้อนนี้? ให้ แรบบิท แคร์ ช่วยคุณเลือกแผนที่ตรงใจได้สะดวก พร้อมการคุ้มครองครอบคลุมทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุรถชน รถเสีย หรือภัยธรรมชาติ พร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงจากทีมงานมืออาชีพ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย คลิกเลย!
สรุป
การุดแลรถยนต์ในช่วงหน้าร้อน สิ่งีท่ควรระวังคืออุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของรถยนต์โดยตรง ซึ่งสิ่งีท่เราควรจะระวังมีดังนี้
– ความร้อนและระบบหล่อเย็น เช่น น้ำหล่อเย็นรั่ว, หม้อน้ำอุดตัน อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและเสียหายได้
– ยางรถยนต์และความดันลมยาง เพราะความร้อนยังทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น
– แบตเตอรี่ ด้วยอากาศที่ร้อนมากขึ้น จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอาจทำให้แบตเตอรี่หมดไฟได้
– สีรถแ เพราะแสงแดดและความร้อนทำให้สีรถซีดจางและเสื่อมสภาพ การเคลือบสีรถจะช่วยปกป้องสีรถจากแสงแดดและรังสี UV
– ภายในรถ หากมีความร้อนภายในรถอาจสูงถึง 60-70 องศาเซลเซียส อาจเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารและอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในรถเสียหายได้ การจอดรถในที่ร่มหรือใช้แผ่นบังแดดจะช่วยลดความร้อนภายในรถได้

ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย