รู้จักกับ น้ำมันเกียร์รถยนต์ เพื่อการดูแลรักษารถยนต์ที่คุณรัก

Natthamon
ผู้เขียน: Natthamon Published: พฤษภาคม 28, 2025
Natthamon
Natthamon
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะน้าใบเขียว
ตรวจทาน: คะน้าใบเขียว Last edited: พฤษภาคม 26, 2025
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
น้ำมันเกียร์รถยนต์

น้ำมันเกียร์รถยนต์ คือหนึ่งในของเหลวสำคัญที่หล่อเลี้ยงระบบส่งกำลังของรถยนต์ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่น ลดการสึกหรอ และยืดอายุการใช้งานของเกียร์ หากปล่อยปละละเลยไม่ดูแลรักษาน้ำมันเกียร์ อาจนำไปสู่ปัญหาเกียร์พังเสียหาย ค่าซ่อมบานปลาย และความไม่สะดวกในการใช้งานรถยนต์

แรบบิท แคร์ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับน้ำมันเกียร์รถอย่างละเอียด ตั้งแต่ชนิดของน้ำมันเกียร์ การเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่เหมาะสม การดูแลรักษา และตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำมันเกียร์รถ น้ำมันเกียร์รถเก๋ง  และน้ำมันเกียร์สำหรับรถกระบะ เพื่อให้คุณดูแลรถยนต์ที่คุณรักได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

น้ำมันเกียร์รถยนต์ คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?

น้ำมันเกียร์รถยนต์ คือสารหล่อลื่นที่ทำหน้าที่หลักในการลดแรงเสียดทานระหว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ ในระบบเกียร์ ไม่ว่าจะเป็นเฟือง แบริ่ง และคลัตช์ ช่วยให้การทำงานของเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่น ลดการสึกหรอ และระบายความร้อนที่เกิดจากการทำงานของเกียร์

ความสำคัญของน้ำมันเกียร์รถยนต์นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การหล่อลื่นเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญอื่น ๆ อีกมากมาย ได้แก่

  • ลดแรงเสียดทานและการสึกหรอ : น้ำมันเกียร์ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบเกียร์ ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ทำงานได้อย่างราบรื่น ลดการสึกหรอ และยืดอายุการใช้งานของเกียร์
  • ระบายความร้อน : การทำงานของเกียร์ก่อให้เกิดความร้อน น้ำมันเกียร์จะช่วยดูดซับความร้อนและระบายความร้อนออกไป ช่วยป้องกันไม่ให้เกียร์ร้อนจัดจนเกินไป
  • ป้องกันสนิมและการกัดกร่อน : น้ำมันเกียร์มีสารเติมแต่งที่ช่วยป้องกันสนิมและการกัดกร่อนของชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบเกียร์
  • ทำความสะอาด : น้ำมันเกียร์ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกและเศษโลหะที่เกิดจากการสึกหรอ ช่วยให้เกียร์สะอาดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ หรือมีปริมาณไม่เพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อระบบเกียร์ได้หลายประการ เช่น

  • เปลี่ยนเกียร์ยาก : เกียร์อาจกระตุก หรือเข้าเกียร์ยาก
  • มีเสียงดังขณะเปลี่ยนเกียร์ : อาจมีเสียงหอน หรือเสียงดังอื่นๆ ขณะเปลี่ยนเกียร์
  • เกียร์ลื่น : เกียร์อาจลื่น หรือไม่สามารถส่งกำลังได้อย่างเต็มที่
  • เกียร์พัง : หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้เกียร์พังเสียหาย

ดังนั้น การดูแลรักษาน้ำมันเกียร์รถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการยืดอายุการใช้งานของเกียร์ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

ประเภทของน้ำมันเกียร์รถยนต์

น้ำมันเกียร์รถยนต์แบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยพิจารณาจากชนิดของเกียร์ และคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  • น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ (Automatic Transmission Fluid: ATF)

ใช้สำหรับเกียร์อัตโนมัติ มีคุณสมบัติในการหล่อลื่น ระบายความร้อน และควบคุมการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ น้ำมันเกียร์อัตโนมัติมีหลายมาตรฐาน เช่น Dexron, Mercon, ATF DW-1 แต่ละมาตรฐานมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ควรเลือกใช้น้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ตรงตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์

  • น้ำมันเกียร์ธรรมดา (Manual Transmission Fluid: MTF)

ใช้สำหรับเกียร์ธรรมดา มีคุณสมบัติในการหล่อลื่นและลดแรงเสียดทานระหว่างเฟืองเกียร์ น้ำมันเกียร์ธรรมดามีหลายเกรด เช่น SAE 80W-90, SAE 75W-90 ควรเลือกใช้น้ำมันเกียร์ธรรมดาที่มีความหนืดที่เหมาะสมกับสภาพการใช้งานและอุณหภูมิ

  • น้ำมันเกียร์ CVT (Continuously Variable Transmission Fluid)

ใช้สำหรับเกียร์ CVT ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติประเภทหนึ่งที่ไม่มีเฟืองเกียร์แบบขั้นบันได น้ำมันเกียร์ CVT มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้สายพานและพูลเลย์ทำงานได้อย่างราบรื่น และป้องกันการลื่นไถล ควรเลือกใช้น้ำมันเกียร์ CVT ที่ตรงตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้

  • น้ำมันเกียร์ Differential (เพลาท้าย)

ใช้สำหรับระบบ Differential ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบส่งกำลังที่ช่วยให้ล้อแต่ละข้างหมุนด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน น้ำมันเกียร์ Differential มีคุณสมบัติในการหล่อลื่นและลดแรงเสียดทานระหว่างเฟือง Differential ควรเลือกใช้น้ำมันเกียร์ Differential ที่มีคุณสมบัติ EP (Extreme Pressure) เพื่อป้องกันการสึกหรอภายใต้แรงกดดันสูง

การเลือกใช้น้ำมันเกียร์รถยนต์ที่เหมาะสมกับชนิดของเกียร์และสภาพการใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการยืดอายุการใช้งานของเกียร์ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ควรตรวจสอบคู่มือรถยนต์เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดและมาตรฐานของน้ำมันเกียร์ที่แนะนำ

น้ํามันเกียร์รถเก๋ง คืออะไร?

น้ํามันเกียร์รถเก๋ง ก็คือน้ำมันเกียร์ที่ใช้กับรถยนต์ประเภทรถเก๋ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว รถเก๋งจะมีทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา ดังนั้น น้ํามันเกียร์สำหรับรถเก๋งจึงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • น้ํามันเกียร์รถเก๋งแบบอัตโนมัติ เป็นน้ำมันเกียร์รถเก๋งที่ใช้กับรถเก๋งที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ มีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสมกับการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งมีความซับซ้อนกว่าเกียร์ธรรมดา
  • น้ํามันเกียร์รถเก๋งแบบธรรมดา เป็นน้ำมันเกียร์รถเก๋งที่ใช้กับรถเก๋งที่เป็นเกียร์ธรรมดา มีคุณสมบัติในการหล่อลื่นและลดแรงเสียดทานระหว่างเฟืองเกียร์

การเลือกใช้น้ำมันเกียร์รถเก๋ง ควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับประเภทของเกียร์ และตรงตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์

น้ำมันเกียร์ธรรมดารถเก๋ง คืออะไร?

น้ำมันเกียร์ธรรมดาสำหรับรถเก๋ง มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ เนื่องจากระบบเกียร์ธรรมดามีโครงสร้างและการทำงานที่แตกต่างจากเกียร์อัตโนมัติ

คุณสมบัติหลักของน้ํามันเกียร์ธรรมดาสำหรับรถเก๋ง ได้แก่

  • ความหนืดที่เหมาะสม : น้ำมันเกียร์ธรรมดาต้องมีความหนืดที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถหล่อลื่นและลดแรงเสียดทานระหว่างเฟืองเกียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คุณสมบัติ EP : น้ำมันเกียร์ธรรมดาควรมีคุณสมบัติ EP เพื่อป้องกันการสึกหรอภายใต้แรงกดดันสูงที่เกิดจากการทำงานของเฟืองเกียร์
  • ความเสถียรทางความร้อน : น้ำมันเกียร์ธรรมดาต้องมีความเสถียรทางความร้อนที่ดี เพื่อให้สามารถรักษาคุณสมบัติในการหล่อลื่นได้ แม้ในอุณหภูมิสูง
  • ป้องกันสนิมและการกัดกร่อน : น้ำมันเกียร์ธรรมดาควรมีสารเติมแต่งที่ช่วยป้องกันสนิมและการกัดกร่อนของชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบเกียร์

การเลือกใช้น้ํามันเกียร์ธรรมดาสำหรับรถเก๋ง ควรเลือกเกรดและมาตรฐานที่ตรงตามที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์

น้ำมันเกียร์รถยนต์ราคาเท่าไหร่ และมีปัจจัยที่มีผลต่อราคาอะไรบ้าง?

น้ำมันเกียร์รถมีราคาที่มีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่

  • ชนิดของน้ำมันเกียร์ : น้ำมันเกียร์อัตโนมัติโดยทั่วไปจะมีราคาสูงกว่าน้ำมันเกียร์ธรรมดา เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ซับซ้อนกว่า
  • ยี่ห้อ : น้ำมันเกียร์จากแบรนด์ชั้นนำมักมีราคาสูงกว่าแบรนด์ทั่วไป
  • มาตรฐาน : น้ำมันเกียร์ที่ได้มาตรฐานสูง เช่น Dexron VI หรือ Mercon LV มักมีราคาสูงกว่าน้ำมันเกียร์ที่ได้มาตรฐานต่ำกว่า
  • ขนาดบรรจุ : น้ำมันเกียร์ที่บรรจุในขนาดใหญ่ มักมีราคาต่อลิตรที่ถูกกว่าน้ำมันเกียร์ที่บรรจุในขนาดเล็ก
  • สถานที่จำหน่าย : น้ำมันเกียร์ที่จำหน่ายในศูนย์บริการรถยนต์ หรือร้านค้าอะไหล่ยนต์ มักมีราคาสูงกว่าน้ำมันเกียร์ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าออนไลน์

ตารางเปรียบเทียบราคาน้ำมันเกียร์รถ (ราคาโดยประมาณ)

ชนิดน้ำมันเกียร์ยี่ห้อราคา/ลิตร (บาท)
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติPTT250-400
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติShell300-500
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติCastrol350-600
น้ำมันเกียร์ธรรมดาPTT200-300
น้ำมันเกียร์ธรรมดาShell250-400
น้ำมันเกียร์ธรรมดาCastrol300-500
น้ำมันเกียร์ CVTPTT300-500
น้ำมันเกียร์ CVTShell350-600
น้ำมันเกียร์ DifferentialPTT200-300

หมายเหตุ ราคานี้เป็นราคาโดยประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสถานที่จำหน่ายและโปรโมชั่นต่าง ๆ


สำหรับน้ำมันเกียร์รถเก๋งราคา ก็อาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น แต่การลงทุนในการเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับรถเก๋งของคุณ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

การใช้น้ำมันเกียร์ที่มีคุณภาพ จะช่วย

  • ยืดอายุการใช้งานของเกียร์ ลดการสึกหรอ และป้องกันปัญหาเกียร์พัง
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่น และส่งกำลังได้อย่างเต็มที่
  • ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ

ดังนั้น การพิจารณาเรื่องราคา ควรคำนึงถึงคุณภาพและประโยชน์ที่ได้รับในระยะยาวด้วย

น้ำมันเกียร์รถกระบะ ต่างจากของรถเก๋งอย่างไร

แม้ว่าน้ำมันเกียร์จะมีหลักการทำงานที่คล้ายคลึงกันในรถยนต์ทุกประเภท แต่ก็มีความแตกต่างกันระหว่างน้ำมันเกียร์ที่ใช้ในรถกระบะและรถเก๋ง เนื่องจากรถกระบะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างจากรถเก๋ง

ความแตกต่างหลัก ๆ ได้แก่

  • ภาระในการบรรทุก : รถกระบะมักถูกใช้งานในการบรรทุกของหนัก หรือลากจูง ซึ่งทำให้ระบบเกียร์ต้องทำงานหนักกว่ารถเก๋ง
  • สภาพการใช้งาน : รถกระบะอาจถูกใช้งานในสภาพถนนที่สมบุกสมบัน หรือในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของน้ำมันเกียร์
  • ชนิดของเกียร์ : รถกระบะบางรุ่นอาจใช้เกียร์ที่มีอัตราทดที่แตกต่างจากรถเก๋ง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในการบรรทุกหรือลากจูง

ดังนั้น น้ำมันเกียร์ที่ใช้ในรถกระบะ มักมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากน้ำมันเกียร์ที่ใช้ในรถเก๋ง เพื่อให้สามารถรองรับภาระในการบรรทุกและสภาพการใช้งานที่แตกต่างกันได้

คุณสมบัติที่แตกต่างกันของน้ำมันเกียร์สำหรับรถกระบะ อาจรวมถึง

  • ความหนืดที่สูงกว่า เพื่อให้สามารถหล่อลื่นและป้องกันการสึกหรอภายใต้แรงกดดันสูง
  • คุณสมบัติ EP (Extreme Pressure) ที่ดีกว่า เพื่อป้องกันการสึกหรอของเฟืองเกียร์ภายใต้ภาระในการบรรทุกหนัก
  • ความเสถียรทางความร้อนที่ดีกว่า เพื่อให้สามารถรักษาคุณสมบัติในการหล่อลื่นได้ แม้ในอุณหภูมิสูง

การเลือกใช้น้ำมันเกียร์สำหรับรถกระบะ ควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับประเภทของเกียร์ และตรงตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์

น้ํามันเกียร์รถเก๋ง

เคล็ดลับการดูแลรักษาน้ำมันเกียร์รถ

เพื่อให้ระบบเกียร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งาน ควรดูแลรักษาน้ำมันเกียร์รถอย่างสม่ำเสมอ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ : ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์เป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนการเดินทางไกล หากพบว่าระดับน้ำมันเกียร์ต่ำกว่าระดับที่กำหนด ควรเติมน้ำมันเกียร์ให้ได้ระดับ
  • เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะที่กำหนด : เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์ โดยทั่วไปแล้ว ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติทุกๆ 40,000-60,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ธรรมดาทุกๆ 60,000-80,000 กิโลเมตร
  • เลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่เหมาะสม : เลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่ตรงตามชนิดและมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์
  • ตรวจสอบรอยรั่วซึม : ตรวจสอบรอยรั่วซึมของน้ำมันเกียร์ หากพบรอยรั่วซึม ควรรีบนำรถไปซ่อมแซม
  • หลีกเลี่ยงการขับรถกระชาก : การขับรถกระชาก หรือการเปลี่ยนเกียร์อย่างรุนแรง อาจทำให้ระบบเกียร์และน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

การดูแลรักษาน้ำมันเกียร์รถอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ระบบเกียร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

น้ำมันเกียร์รถเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบเกียร์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ และการดูแลรักษาน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

การเลือกน้ำมันเกียร์รถที่ถูกต้องสำหรับรถเก๋ง, รถกระบะ, เกียร์อัตโนมัติ หรือเกียร์ธรรมดา ควรพิจารณาจากประเภทของเกียร์, สภาพการใช้งาน, และมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์

การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว และยังช่วยให้คุณมั่นใจในการขับขี่บนท้องถนน

เลือกประกันรถยนต์ที่ใช่ มั่นใจทุกการเดินทางกับ แรบบิท แคร์

มองหาประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าและครอบคลุม? แรบบิท แคร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ พร้อมให้คำแนะนำและช่วยคุณเลือกแผนประกันที่ตรงใจได้สะดวก พร้อมการคุ้มครองครอบคลุมทุกความต้องการ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงจากทีมงานมืออาชีพ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย คลิกเลย!

สรุป

น้ำมันเกียร์รถยนต์เป็นของเหลวหล่อลื่นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของระบบเกียร์ ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดา เกียร์อัตโนมัติ (ATF) หรือเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ดังนั้น หากมีอาการเปลี่ยนเกียร์กระตุก, มีเสียงดังผิดปกติตอนเปลี่ยนเกียร์, มีกลิ่นไหม้ของน้ำมันเกียร์, ระดับน้ำมันเกียร์ลดลงผิดปกติ หรือมีสีคล้ำ รวมไปถึง รถออกตัวอืด หรือไม่มีกำลัง ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เพื่อให้รถยนต์ของคุณได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ที่มา

บทความแคร์รถยนต์

Rabbit Care Blog Image 102122

แคร์รถยนต์

ไขทุกข้อข้องใจ! แก้ยังไงถ้ารถเสียงดังเวลาวิ่ง

วันดีคืนดีขับรถอยู่ดี ๆ เจ้ารถยนต์คู่ใจก็ดันมีเสียงขึ้นมาได้เสียขึ้น สาเหตุการที่รถเสียงดังเวลาวิ่งเกิดจากอะไรกันนะ? อันตรายมากไหม? โดยพื้นฐานแล้ว
Thirakan T
17/06/2025
Rabbit Care Blog Image 101577

แคร์รถยนต์

น้ำมัน E85 คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย และทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับเชื้อเพลิงทางเลือก

ในยุคที่พลังงานทางเลือกกลายเป็นหัวข้อสำคัญ ทั้งจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผันผวน "น้ำมัน E85"
Natthamon
27/05/2025
Rabbit Care Blog Image 101563

แคร์รถยนต์

บอกลากลิ่นอับในรถ กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้รถหอมสดชื่น!

หลายคนคงเคยประสบปัญหากับกลิ่นอับในรถ ไม่เพียงแต่ทำให้บรรยากาศภายในรถไม่น่าอภิรมย์แล้ว แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย
Natthamon
26/05/2025