สอนวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ แบบไม่ทิ้งรอย
รถหลายคันที่มีการติดสติ๊กเกอร์เอาไว้ไม่ว่าจะเพื่อสวยงาม หรือป้ายอนุญาตอะไรก็ตาม เวลาที่ตามหาวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์แบบง่าย ๆ ที่ไม่ทิ้งรอยเอาไว้ ซึ่งหลายคนไม่เคยรู้มาก่อน เวลาที่ลอกสติ๊กเกอร์ออกทันที ทำให้เกิดคราบกาวหรือทิ้งรอยเอาไว้ เพื่อให้คุณเลี่ยงปัญหาเหล่านั้นได้อย่างสบายใจ
แรบบิท แคร์ ได้เตรียมเอาวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์มาแชร์ต่อกันอย่างละเอียด พร้อมกับบอกเหตุผลว่าเมื่อไหร่ที่คุณควรลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถ และกรณีที่มีการติดสติ๊กเกอร์รถยนต์หลายส่วน จำเป็นต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถด้วยหรือไม่ หากคุณกำลังค้นหาคำตอบเหล่านี้อยู่ สามารถเลื่อนลงไปเก็บข้อมูลที่หัวข้อย่อยด้านล่างกันได้เลย
5 วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์
5 วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ที่ให้ผลได้ดีที่สุด คือ ใช้น้ำและสบู่, เป่าด้วยความร้อน, ใช้น้ำส้มสายชู ลอกสติ๊กเกอร์, ใช้สเปรย์ลอกสติ๊กเกอร์ และใช้น้ำมัน หรือครีมทำความสะอาดเอนกประสงค์ ซึ่งการใช้งานในแต่ละวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ จะมีขั้นตอนการดำเนินการที่ต่างกันออกไป ถ้าใครไม่เคยทำมาก่อน หรือยังไม่มั่นใจในการลอกสติ๊กเกอร์ครั้งแรก แนะนำว่าควรอ่านโดยละเอียด พร้อมกับการลงมือทำอย่างใจเย็นที่สุด
ใช้น้ำและสบู่
วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ด้วยการใช้น้ำและสบู่ จะเป็นการนำน้ำเข้าไปลูบสติ๊กเกอร์ก่อนลอกออกจากรถยนต์ พร้อมกับค่อย ๆ ลอกสติ๊กเกอร์ออกช้า ๆ หากมีคราบกาว ฝุ่น หรือเศษสิ่งของสกปรกอยู่ใต้สติ๊กเกอร์ ให้เรานำสบู่มาถูเบา ๆ ในบริเวณที่มีคราบ มีความสกปรกทิ้งไว้จนสะอาดเอี่ยม
เป่าด้วยความร้อน
วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ผ่านการเป่าด้วยความร้อน เนื่องจากความร้อนที่เราเป่าไปยังสติ๊กเกอร์ จะช่วยลดทอนเรื่องความเหนียวของคราบกาวได้ ซึ่งวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ที่ง่ายที่สุดด้วยตัวเอง คงต้องใช้ไดร์เป่าผมปรับความร้อนสูงสุด เป่าไปที่สติ๊กเกอร์ประมาณ 2 นาที เริ่มเป่าจากริมขอบด้านนอก ค่อย ๆ ลอกออกพร้อมกัน กรณีที่ไม่มีไดร์เป่าผมจริง ๆ สามารถใช้น้ำร้อนพรมบริเวณสติ๊กเกอร์ได้แทน
ใช้น้ำส้มสายชู ลอกสติ๊กเกอร์
วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ ด้วยการใช้น้ำส้มสายชู ลอกสติ๊กเกอร์ จะสามารถทำได้เมื่อเราลอกสติ๊กเกอร์ออกไปแล้ว และเกิดคราบกาวอยู่บนผิวรถยนต์ ให้เรานำน้ำส้มสายชูทาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นให้เราหาฟองน้ำผิวนุ่มมาเช็ดคราบกาวออกไป เพียงเท่านี้ก็จะจัดการคราบที่ทิ้งเอาไว้บนผิวรถยนต์ได้แบบหมดจด
ใช้สเปรย์ลอกสติ๊กเกอร์
วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ ด้วยการใช้สเปรย์ลอกสติ๊กเกอร์ คือ การใช้สเปรย์พิเศษพ่นลงไปยังคราบกาวที่หลงเหลืออยู่ เพราะสเปรย์ตัวนี้มีตัวทำละลายเคมี ที่สามารถละลายชั้นกาวได้อย่างดีเยี่ยม แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสูตรน้ำยาเคมีที่บรรจุเอาไว้ บางสูตรอาจขจัดคราวกาวบางประเภทได้ บางสูตรจะสามารถจัดการคราบความเหนียวได้อย่างครอบคลุม ใครที่ต้องการวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ที่ง่ายที่สุด แนะนำวิธีนี้เลย
ใช้น้ำมัน หรือครีมทำความสะอาดเอนกประสงค์
วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์แบบที่ใช้น้ำมัน หรือครีมทำความสะอาดเอนกประสงค์ ซึ่งน้ำมันที่ต้องใช้อาจเป็นน้ำมันสน น้ำมันรอนสัน น้ำมันพืช หรือน้ำมันมะกอกก็ได้เช่นกัน โดยใช้ถูบริเวณที่เกิดคราบกาวอย่างใจเย็น จนกระทั่งคราบหลุดออกจนหมด ส่วนครีมทำความสะอาดเอนกประสงค์ วิธัการใช้ต้องนำเนื้อครีมทาลงบนผ้าสะอาดที่มีขนนุ่ม และค่อย ๆ ถูที่คราบสติ๊กเกอร์ช้า ๆ จนกว่าจะออกหมด
ในแต่ละวิธีมีการดำเนินการที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงขึ้้นอยู่กับความสะดวกสบายของผู้อ่าน ว่าสามารถใช้วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์แบบไหนได้ง่ายที่สุด โดยไม่ลำบากตัวเรามากเกินไปนั่นเอง
ข้อควรระวังในการลอกสติ๊กเกอร์
ข้อควรระวังในการลอกสติ๊กเกอร์ โดยเฉพาะคนที่ยังไม่รู้วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์อย่างถูกต้องตามที่เราแนะนำ คือ การใช้ของมีคม และการใช้ทินเนอร์หรือน้ำมันเบนซิน ซึ่งทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมา อาจทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยบนตัวรถตามมาได้ เพราะเหตุผลเหล่านี้
- กรณีที่ใช้ของมีคมลอกสติ๊กเกอร์: ใครที่ยังไม่เคยลอกสติ๊กเกอร์ด้วยตัวเองมาก่อน และคิดว่ายังไม่มั่นใจในการทำมากพอ ไม่ควรใช้งานของมีคม เพราะอาจทำให้เกิดริ้วรอยตั้งแต่แบบบาง ไปจนถึงรอยลึกที่ทำให้เราต้องเสียค่าซ่อมแซมได้
- กรณีที่ใช้ทินเนอร์ หรือน้ำมันเบนซิน: จะไม่เหมาะสมกับพื้นผิวตัวถังรถยนต์ที่มีสี เนื่องจากทินเนอร์และน้ำมันเบนซินมีฤทธิ์ ที่อาจทำให้สีรถของเรามีรอยด่าง หรือหนักจนถึงขั้นสีลอกได้เลยทีเดียว
ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องการลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้วิธีด้านบนอย่างเด็ดขาด และหันไปใช้วิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ตามที่เราแนะนำแทน จะเป็นการจัดการกระดาษสติ๊กเกอร์ พร้อมกับขจัดคราบกาวออกได้ดีที่สุดแล้ว
เหตุผลที่ควรลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์
เหตุผลที่ควรลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ มีอยู่ 2 กรณี คือ ช่วงเวลาที่สติ๊กเกอร์รถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพ และกรณีที่ได้รับการตรวจสอบจากกรมขนส่ง แล้วสติ๊กเกอร์รถยนต์ที่เรา Wrap มาผิดระเบียบข้อกำหนดของกรมขนส่งทางบก ส่วนรายละเอียดของเหตุผลทั้งสองข้อที่กล่าวมา สามารถติดตามอ่านได้จากรายละเอียดด้านล่างนี้
- เมื่อสติ๊กเกอร์เริ่มเสื่อมสภาพไปจากเดิม: เพราะถ้าหากเราปล่อยสติ๊กเกอร์รถยนต์ที่เสื่อมสภาพไว้นาน ๆ นอกจากจะมีการทิ้งคราบกาวที่เหนียว และสกปรกเอาไว้ ยังมีโอกาสที่กระดาษสติ๊กเกอร์จะสร้างริ้วรอยไว้บนพื้นผิวรถยนต์ได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
- กรณีที่ถูกกรมขนส่งเรียกตรวจ และสติ๊กเกอร์ที่ Wrap มาผิดระเบียบ: ถ้าหากเราถูกเรียกตรวจสอบและมีการผิดระเบียบของกรมขนส่งจริง ต้องทำการลอกสติ๊กเกอร์สีที่ผิดระเบียบออกจากรถยนต์ เพื่อเข้ารับการตรวจสอบอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ รวมถึงยังเสี่ยงต่อการต้องโทษทางกฎหมายด้วย
ดังนั้นหากมีเหตุผลข้อแรกเกิดขึ้น การเสื่อมสภาพของสติ๊กเกอร์ คุณยังสามารถใช้งานวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์ตามที่เราแนะนำไปด้านบนทั้ง 5 ข้อได้ตามความสะดวก แต่ถ้าหากเป็นเรื่องการ Wrap สติ๊กเกอร์สีรถรอบคัน อาจต้องให้ร้าน หรือศูนย์บริการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ช่วยแก้ไขโดยเฉพาะ เพื่อรักษาพื้นผิวของสีรถเอาไว้ให้ได้ตามเดิม
ติดสติ๊กเกอร์รถยนต์ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถไหม
การที่เราทำการติดสติ๊กเกอร์รถยนต์เพิ่มเติม จะต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถก็ต่อเมื่อมีการติดบนพื้นที่รถยนต์เกินกว่า 30% ซึ่งส่วนที่จะเกิดอัตราส่วนดังกล่าว ก็จะมีทั้งกระโปรงหน้า หรือกระโปรงท้ายของรถยนต์ หากคุณมีการติดสติ๊กเกอร์สีเพิ่มเติมใน 2 ส่วนที่กล่าวมา ควรต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีที่กรมขนส่ง พร้อมรับการตรวจสอบภายใน 7 วัน ไม่อย่างนั้นหากถูกเรียกตรวจสอบ อาจต้องโทษปรับตามกฎหมายสูงสุด 2,000 บาท
อ้างอิงข้อมูลการติดสติ๊กเกอร์รถยนต์ต้องแจ้งเปลี่ยนสีจากกรมขนส่ง
สติ๊กเกอร์รถยนต์ เคลมประกันได้ไหม
กรณีที่เป็นการ Wrap สติ๊กเกอร์รถยนต์ จะสามารถเคลมประกันได้ แต่ต้องมีการแจ้งให้ทางตัวแทนประกันรถทราบ พร้อมกับตรวจเช็กรายละเอียดเงื่อนไขการคุ้มครองให้ดี ส่วนกรณีที่มีการ Wrap สติ๊กเกอร์ในภายหลังทำประกัน อาจไม่ได้รับการคุ้มครอง ฉะนั้นควรติดต่อตัวแทน และทำการปรึกษาหารือให้เรียบร้อย
อัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับวิธีลอกสติ๊กเกอร์ออกจากรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ใครที่กังวลเรื่องคราบกาวสติ๊กเกอร์ตอนนี้คงหมดห่วงได้เลย ส่วนคนที่ Warp สติ๊กเกอร์รถแล้วอยากดูแลให้ครอบคลุมที่สุด การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เผื่อไว้ จะเป็นการช่วยคุ้มครองได้ดีที่สุดแน่นอน ซึ่งถ้าใครยังไม่มั่นใจ อยากรับคำปรึกษาเพิ่มเติม ติดต่อเข้ามาหา แรบบิท แคร์ ผ่านเบอร์ 1438 ได้ตลอดเวลา
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology