ทำประกันชีวิตไม่ระบุ ผู้รับผลประโยชน์ มีผลอย่างไร?
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า การทำประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม มีประโยชน์กับเราหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ช่วยลดหย่อนภาษี ทำให้เรามีวินัยในการออมได้มากขึ้น และสำคัญที่สุดคือ ช่วยลดภาระทางการเงินให้กับคนที่เรารักได้ แก่ ภรรยา สามี หรือที่เรียกว่า ผู้รับผลประโยชน์ ในกรณีที่เราเกิดเสียชีวิตขึ้นมาได้ด้วย
ผู้รับผลประโยชน์ สำคัญอย่างไรกับการทำประกันชีวิต
การทำประกันชีวิต จำเป็นต้องมี การระบุผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งก็คือ บุคคลที่จะได้รับเงินสินไหมทดแทนจากประกันชีวิต ในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตนั่นเองค่ะ
พูดง่ายๆ ก็คล้ายกับการทำพินัยกรรมค่ะ คือการกำหนดว่า ถ้าหากเราเสียชีวิตไป เงินประกันของเราจะตกไปอยู่ที่ใครนั่นเอง
ซึ่งข้อดีของการระบุผู้รับผลประโยชน์ คือ มันง่ายต่อการจัดการค่ะ เพราะเราจะสามารถกำหนดได้เลยว่า อยากให้เงินประกันตกไปเป็นของใครบ้าง สัดส่วนเท่าไหร่ ถือเป็น การมอบเงินมรดกให้ลูกหลาน หรือครอบครัวได้อีกวิธีหนึ่งเหมือนกันนะคะ
โดยถ้าใครที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ของประกันชีวิต หลังจากผู้เอาประกันเสียชีวิตลง จำเป็นจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- แจ้งให้บริษัทประกันทราบโดยเร็วที่สุด ถ้าช้าเกิน 15 วัน จะต้องอธิบายเหตุผลด้วยว่าทำไมจึงแจ้งช้า
- ต้องรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับมรณกรรมและกรมธรรม์ประกันชีวิตไปยื่นแก่บริษัทประกัน เช่น ใบมรณะบัตร สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ใบรับรองแพทย์ เป็นต้น
- ต้องให้ความร่วมมือในการพิสูจน์ศพ กรณีถูกฆาตกรรม หรือ อุบัติเหตุ
เราสามารถระบุ “ใครก็ได้” เป็นผู้รับผลประโยชน์ จริงหรือ?
ถ้าเป็นทางกฎหมายแล้ว คุณสามารถระบุใครก็ได้เป็นผู้รับผลประโยชน์ของประกันชีวิตค่ะ โดยไม่จำเป็นต้องสนิทหรือเป็นคนในครอบครัวก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ ลูกหลาน แฟน ญาติ เพื่อน คนข้างบ้าน ได้หมด และยังสามารถระบุผู้รับผลประโยชน์กี่คนก็ได้ พร้อมยังสามารถกำหนดสัดส่วนเงินที่แต่ละคนจะได้รับได้อีกด้วย
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว บริษัทประกันมักจะวางเงื่อนไขให้ผู้รับผลประโยชน์ต้องมีความสัมพันธ์กับผู้เอาประกันภัย โดยจะเน้นทางสายเลือดมากกว่าหรือต้องเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการเสียชีวิตของผู้เอาประกันเท่านั้น
ที่ทำแบบนี้ เพื่อป้องกัน การฆาตกรรมเพื่อหวังเอาเงินประกัน เนื่องจากมันมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ในต่างประเทศ ซึ่งถ้าเป็นบุคคลอื่นก็อาจจะจำเป็นจะต้องแสดงหลักฐานความสัมพันธ์กับผู้เอาประกันให้บริษัทพิจารณาด้วย และมันก็แล้วแต่บริษัทประกันนะคะ ว่าจะกำหนดเงื่อนไขตรงนี้มั้ย โดยก่อนทำประกันชีวิต ก็ให้คุณสอบถามล่วงหน้าจะดีกว่าค่ะ
ถ้าไม่ระบุ ผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิต จะส่งผลอย่างไร?
1.กรณีที่ผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ เสียชีวิตก่อนผู้เอาประกัน
กรณีนี้ เงินสินไหมที่ได้รับจะตกไปเป็นของ ผู้รับผลประโยชน์ลำดับถัดไปค่ะ โดยผู้เอาประกันสามารถขอปรับสัดส่วนเงินประกันใหม่ได้เช่นกัน หรือ คุณอาจจะเลือก เปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ เป็นคนอื่นก็ได้เช่นกันค่ะ
โดยคุณสามารถแจ้งขอเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มผู้รับผลประโยชน์ กับบริษัทประกันชีวิตได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้
- สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของผู้รับผลประโยชน์คนใหม่
- กรรมธรรม์ประกันชีวิต
- คำร้องขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขกรมธรรม์
2.กรณีที่ไม่มีผู้รับผลประโยชน์คนอื่นแล้ว
ถ้าผู้รับผลประโยชน์ของคุณเกิดเสียชีวิตก่อนแล้วคุณไม่มีผู้รับผลประโยชน์คนใหม่แล้ว หรือแจ้งเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ไม่ทัน บริษัทประกันภัยของคุณจะจ่ายเงินผลประโยชน์ต่างๆ ตามกรมธรรม์ ให้กับ ทายาทของผู้เอาประกันภัยหรือตกเข้าสู่ กองมรดก ของผู้เอาประกันต่อไปค่ะ ซึ่งบริษัทประกันจะไม่สามารถยึดเงินตรงนี้ไปได้แน่นอนค่ะ
ถ้าเราไม่มีทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์เลยละ ควรจะทำอย่างไร?
ประโยชน์หลักๆ ของการทำประกันชีวิต คือ ให้มีเงินเหลือไว้ให้ครอบครัวและคนที่เรารักในยามที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ได้มีทายาทหรือไม่ได้อยากเอาเงินประกันให้ใคร เราแนะนำให้คุณ เลือกทำ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือประกันบำนาญดีกว่าค่ะ
เนื่องจาก ผลประโยชน์ของประกันทั้ง 2 รูปแบบนี้ จะไม่เน้นการจ่ายเงินในกรณีเสียชีวิต แต่จะเน้นการออมเงินและจ่ายเงินตอบแทนเมื่อผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญาหรือ ตอนเกษียณอายุ มากกว่า
ซึ่งการทำประกันชีวิตรูปแบบนี้ จะเหมือนเป็นการช่วยคุณออมเงินทางออมอีกวิธีหนึ่ง โดยคุณสามารถตัดสินใจทีหลังได้ว่า จะเอาเงินไว้ใช้เองหรือเก็บเป็นมรดกให้คนในครอบครัวค่ะ
ถ้าอยากรู้ว่า ประกันของที่ไหนดีที่สุด เข้ามาใช้บริการเปรียบเทียประกันชีวิตกับ Rabbit Care สิคะ รับรองว่าคุณจะเจอประกันภัยที่ถูกใจได้ไม่ยากเลย
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี