ดื่มกาแฟยังไง ไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย
หลายคนไม่น้อยเลย ที่รู้สึกว่าชีวิตในยามเช้าไม่สามารถขาดกาแฟได้ หรือเวลาทำงานจำเป็นจะต้องดื่มกาแฟตลอดเวลา แม้ว่าจะช่วยให้ร่างกายตื่น และกระปรี้กระเปร่า แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในกาแฟนั้นมีคาเฟอีน ที่กินเยอะอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
แล้วแบบนี้ ต้องดื่มอย่างไรดีนะ ให้ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกาย? วันหนึ่งเราสามารถดื่มกาแฟได้กี่แก้ว? ดื่มแค่ไหนเรียกพอดี ไม่ติดกาแฟมากเกินไป? แล้วถ้ากินกาแฟดําทุกวัน อันตรายไหม? วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน!
รู้จักกันให้มากขึ้นกับกาแฟ เครื่องดื่มที่ช่วยให้คุณตื่นตลอดทั้งวัน
กาแฟ คือหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีปริมาณคาเฟอีนมากเป็นอันดับต้น ๆ และกาแฟก็มีข้อดีอยู่มากมาย นอกจากจะทำให้เราสามารถตื่นได้ ร่างกายกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการออกกำลังกายอีกด้วย โดยผลการวิจัยได้บอกไว้ว่า หากดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย จะช่วยให้ความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อน้อยลงอีกด้วย
โดยปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันให้เหมาะสมนั้น ได้มีแพทย์ได้ออกมาให้คำแนะนำว่า ร่างกายของผู้ใหญ่จะสามารถบริโภคคาเฟอีนได้ ในแต่ละวันไม่เกิน 300 – 400 มิลลิกรัม/วัน เมื่อเปรียบเทียบแล้วจะเทียบเท่ากับกาแฟ 3 – 4 แก้ว
หรือหากคำนวณให้ละเอียด คาเฟอีน 2.5 มิลลิกรัม ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (โดยเอา 2.5 x น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม) เช่น
คุณแคร์ มีนำหนักตัว 60 กิโลกรัม x 2.5 = จำนวนคาเฟอีนที่ร่างกายรับได้ 150 มิลลิกรัม
โดยเฉลี่ยแล้วกาแฟ 1 แก้ว จะมีปริมาณคาเฟอีน 95 มิลลิกรัม หมายความว่า คุณแคร์ไม่ควรดื่มกาแฟกาแฟดำเกินวันละ 1 – 2 แก้ว
แต่ทั้งนี้ไม่ใช่แค่กาแฟเท่านั้นที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ อาหารหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็สามารถมีคาเฟอีนแอบแฝงได้เช่นกัน เช่น น้ำชา, น้ำอัดลม, โกโก้ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น
ถ้าดื่มกาแฟมากไป จะส่งผลเสียอย่างไรต่อร่างกาย?
แน่นอนว่ามีข้อดีแล้ว ก็ย่อมมีข้อเสีย เพราะหากร่างกายได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไป หรือเกินขนาด (Caffeine Overdose) อาจส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้
- ระบบประสาทส่วนกลาง
อาจทำให้มือสั่น นอนไม่หลับ เกิดความวิตกกังวล ปวดศีรษะ บางครั้งอาจทำให้ชักได้
- ระบบทางเดินอาหาร
คาเฟอีนจะช่วยเพิ่มการหลั่งของกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้ปริมาณน้ำย่อยและกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลเสียต่อผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ได้ และควรหลีกเลี่ยงการทานคาเฟอีน
- ระบบการไหลเวียนโลหิต
สารคาเฟอีนจะเข้าไปกระตุ้นหัวใจ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต อาจเพิ่มความดันโลหิตชั่วคราว โดยผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้
- ระบบทางเดินปัสสาวะ
หากร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินไป อาจทำให้ไตขับน้ำออกมาเยอะขึ้น กระตุ้นให้เกิดการปัสสาวะบ่อย และอาจทำให้แคลเซียมซึ่งเป็นสารก่อนิ่วชนิดหนึ่งถูกขับออกมาพร้อมปัสสาวะ หากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้ยังทำให้การทำงานของไตเสื่อมสภาพลง เป็นที่มาของภาวะไตวายได้อีกทางด้วย
แล้วแบบนี้ ต้องดื่มกาแฟอย่างไรให้ถูกหลัก ดีต่อสุขภาพกันนะ?
จะเห็นได้ว่า กาแฟ หากเราดื่มให้เป็น จะส่งผลดีต่อร่างกายมากมาย เพียงแค่เราดื่มในปริมาณที่เหมาะสม และถูกต้อง สำหรับใครที่ชื่นชอบกาแฟ อาจจะลองปรับเปลี่ยนทริคในการดื่ม จะช่วยให้ดีต่อสุขภาพได้โดยที่เราไม่ต้องงดกาแฟเลยเสียด้วยซ้ำ! โดย แรบบิท แคร์ ขอแนะนำ ทริคการดื่มกาแฟให้ดีต่อสุขภาพ ดังนี้
เลือกดื่มให้ถูกเวลา
เวลาที่ดื่มกาแฟที่ดีที่สุด ควรเลือกเป็นช่วงก่อน 14.00 น. เพราะถ้าดื่มหลัง 14.00 น. อาจทำให้ร่างกายมีปัญหานอนไม่หลับ เพราะคาเฟอีนสามารถตกค้างในร่างกายได้แม้จะหมดช่วงที่ทำให้ตื่นตัวไปแล้วก็ตาม หรือหากมีความจำเป็นจะต้องดื่มให้ตื่นในช่วงบ่าย ให้ลองนับช่วงเวลาดื่มกาแฟห่างจากเวลาเข้านอน 4-6 ชั่วโมง แทน
เช่น คุณใส่ใจ มักจะเข้านอนในช่วงเที่ยงคืนของทุกวัน หมายความว่า คุณใส่ใจจะสามารถดื่มกาแฟได้ก่อน 6 โมงเย็น – 2 ทุ่ม จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและเวลานอน
นอกจากนี้ ไม่ควรดื่มกาแฟครั้งละมาก ๆ ควรดื่มกาแฟแบบค่อย ๆ จิบ หรือหากต้องดื่มหลายแก้วในวันเดียว ควรแบ่งดื่มห่างกัน แก้วละ 2-3 ชั่วโมง จะดีที่สุด
พยายามทานอาหารเสริมแคลเซียม และดื่มน้ำตามมาก ๆ
ถ้าเรามีการบริโภคคาเฟอีนเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ จนเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน ดังนั้น นอกจากการบริโภคกาแฟแต่ละพอดี นอกจากนี้ให้ทานอาหารที่มีแคลเซียม เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว เป็นต้น จะช่วยป้องกันได้
และหลังดื่มกาแฟเสร็จ ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำ เพราะสารคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นระบบขับปัสสาวะของไต ทำให้เราปัสสาวะบ่อยขึ้น หากดื่มน้ำน้อยเกินไปอาจเสี่ยงทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
ที่สำคัญ ไม่ควรดื่มกาแฟในช่วงที่ท้องว่าง เพราะในช่วงที่ท้องว่าง จะทำให้ปริมาณกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
เลือกดื่มกาแฟดำหรือกาแฟหวานน้อย
สำหรับใครที่ดื่มกาแฟดำไม่ไหว พยายามเลือกกาแฟที่มีเบสเป็นเอสเพรสโซ่ เช่น อเมริกาโน่ คาปูชิโน่ หรือลาเต้ แทนกาแฟปกติ หรือแบบ 3-in-1 เพราะจะมีปริมาณคาเฟอีนและน้ำตาลน้อยกว่า และพยายามเลือกสั่งแบบหวานน้อย หรืออาจเปลี่ยนนมถั่วเหลือง, นมไขมันต่ำแทนนมทั่วไป รวมถึงใช้หญ้าหวานเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเพื่อลดปริมาณแคลอรีส่วนเกิน
แต่จะให้ดี ควรเลือกดื่มเป็นกาแฟดำ ไม่ใส่นม และน้ำตาล เพราะนอกจากจะปราศจากน้ำตาลและแคลอรีส่วนเกินแล้ว ประโยชน์กาแฟดำยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- เพิ่มประสิทธิภาพระบบเมตาบอลิซึม ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น
- กาแฟดำ ลดกรดยูริคในเลือด ซึ่งเป็นที่มาของโรคเก๊าท์ได้
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัย
- ลดความเสี่ยงเป็นโรคภัยอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น โรคไวรัสตับอักเสบซี, โรคมะเร็ง, ลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ เป็นต้น
โดยการ กินกาแฟ ดํา ทุกวัน อันตราย ไหม ? บอกเลยว่าไม่อันตราย หากคุณเลือกดื่มให้เหมาะสมในปริมาณที่เราแนะนำไว้ข้างต้น คือ วันละไม่เกิน 3 แก้ว นัั้นเอง และแนะนำให้ดื่มในปริมาณน้อย ๆ พอ จิบช้า ๆ ให้พอรู้สึกตื่นก็เพียงพอแล้ว
ถึงแม้ประโยชน์กาแฟดำจะมีมากมาย หรือการกินกาแฟดำให้พอเหมาะจะช่วยส่งผลดี แต่แรบบิท แคร์ แนะนำให้ดื่มแต่น้อย ๆ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องดื่มทุกวัน ถ้าง่วงก็เปลี่ยนมานอนให้เร็วขึ้น หรือหาผลไม้สดทานเพื่อเพิ่มความสดชื่นแจ่มใสในตอนเช้าจะเป็นผลดีต่อร่างกายที่สุด
เพราะเรื่องสุขภาพไม่เคยเป็นเรื่องไกลตัว แม้แต่กาแฟก็อาจเป็นประเด็นให้กับร่างกายได้ ดังนั้น รับมือไว้ก่อน กับ ประกันสุขภาพ แรบบิท แคร์ ไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย!
ที่นี้มีบริการเปรียบเทียบประกันสุขภาพ ทั้ง ประกันสุขภาพทั่วไป, ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง หรือประกันสุขภาพโรคเฉพาะทางอีกด้วย คลิกเลย!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct