รู้จักกับตลาดหุ้นอเมริกา ฉบับมือใหม่หัดลงทุน





เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังใหม่กับการลงทุนในคตลาดหุ้นอเมริกา แม้จะให้ผลกำไรที่น่าสนใจ แต่เราปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามีความเสี่ยงเรื่องกำไรสูง ดังนั้นการจะลดความเสี่ยงด้านลงทุนลงได้ การเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับโลกของตลาดหุ้นอเมริกาเป็นเรื่องที่ขาดไปไม่ได้ ว่าแต่จะเริ่มต้นอย่างไรกันดี? วันนี้ แรบบิท แคร์ และทาง Webull ได้รวบรวมไว้ให้คุณแล้ว ตามมาเลย!
ตลาดหุ้นอเมริกา มีอะไรบ้าง
ตลาดหุ้นอเมริกาเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่บริษัทต่าง ๆ จดทะเบียนเพื่อระดมทุนจากนักลงทุน โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นของบริษัทเหล่านี้ได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ เช่น NYSE (New York Stock Exchange), NASDAQ, และ AMEX (American Stock Exchange)
ตลาดหุ้นอเมริกาไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการลงทุนของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก โดยตลาดหุ้นอเมริกาที่น่าสนใจเบื้องต้น จะมี ดังนี้
AMEX
amex คือ บริษัทโฮลดิ้งธนาคาร อเมริกันและบริษัทบริการทางการเงินข้ามชาติที่เชี่ยวชาญด้าน บัตรชำระเงิน มีสำนักงานใหญ่ที่ 200 Vesey Street หรือที่เรียกว่า American Express Tower ในย่าน Battery Park City ของ Lower Manhattan Amex เป็นเครือข่ายบัตรที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก ทำให้การลงทุนมุ่งเน้นไปที่การซื้อขายกองทุนรวม (ETFs), หุ้นของบริษัทขนาดเล็ก กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) พันธบัตรขององค์กร และเครื่องมือการลงทุนอื่น ๆ
และในปี 2008 AMEX ถูกควบรวมกับ NYSE Euronext และปัจจุบันดำเนินงานในชื่อ NYSE American ถือว่าเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทั้งพื้นฐาน และมีแนวโน้มเติบโตด้านกำไรสูง
CBOT
หรือ ชื่อเต็ม ๆ Chicago Board of Trade คือ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นของอเมริกาก่อตั้งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2391 โดยปัจจุบันกลายเป็นตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับผลิตภัณฑ์หลายประเภท ทั้งสินค้าเกษตรอย่าง ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, ข้าวสาลี, ข้าว และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ, ทองคำ เป็นต้น
ซึ่งการลงทุนชนิดนี้จะช่วยบริหารความเสี่ยงด้านราคาสำหรับเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก หรือแม้แต่นักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้า แต่มีข้อควรระวัง เนื่องจากเป็นการล้อคราคาทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้า หากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มีการขึ้นราคา อาจจะไม่ได้กำไรอย่างตลาด ๆ อื่น ๆ เท่าที่ควรนั่นเอง
CME
Chicago Mercantile Exchang เป็นตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ก่อตั้งขึ้นมาอย่างยาวนานในชิคาโก จัดเป็นตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าและอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ไม่ใช่ตลาดหุ้นโดยตรง แต่มีความสำคัญต่อตลาดหุ้นอเมริกาในด้านการป้องกันความเสี่ยงและการเก็งกำไร เน้นการซื้อขายสัญญาอนุพันธ์ เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และสัญญาเลือกซื้อขาย (Options)
นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงตลาด CME ได้ผ่านโบรกเกอร์ระหว่างประเทศ แต่ควรศึกษาข้อมูลและเข้าใจความเสี่ยงก่อนเริ่มต้นลงทุน เนื่องจากการลงทุนใน CME มักจะเป็นพวกดัชนีหุ้น เช่น S&P 500, Nasdaq-100 หรือพวก Cryptocurrency
NASDAQ
เป็นตลาดที่เน้นบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรม ระบบการซื้อขายเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด สัญลักษณ์หุ้นส่วนใหญ่มี 4 ตัวอักษร เช่น Apple, Microsoft, Tesla, Alphabet (Google)
NYSE
เป็นตลาดหุ้นที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อนับตามมูลค่ารวมของบริษัทจดทะเบียน เน้นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทที่มั่นคง สัญลักษณ์หุ้นส่วนใหญ่ใน NYSE มี 1-3 ตัวอักษร เช่น KO (Coca-Cola), IBM , Berkshire Hathaway, ExxonMobil, Johnson & Johnson
ตลาดหุ้นอเมริกาเป็นที่รวมของตลาดที่หลากหลายและเหมาะสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่ตลาดที่เน้นบริษัทขนาดใหญ่ใน NYSE ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีใน NASDAQ การเข้าใจลักษณะของแต่ละตลาดและดัชนีที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสมกับเป้าหมายและสไตล์การลงทุนของตนเอง
นอกจากนี้ยังมีดัชนีหุ้นสำคัญที่ใช้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของตลาด เช่น S&P 500, Dow Jones, และ NASDAQ Composite การเข้าใจโครงสร้างและประเภทของตลาดหุ้นอเมริกาจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีดีมากขึ้น

ตลาดหุ้นอเมริกา เปิด-ปิดกี่โมง?
จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นหนึ่งในตลาดการเงินที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งมีเวลาการซื้อขายที่แน่นอนและเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก ทำให้นักลงทุนไทยเอง ก็ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของเวลาเพื่อวางแผนการลงทุนอย่างเหมาะสมด้วย ซึ่งเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้นสหรัฐ จะมี 2 แห่ง หลัก ๆ ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อย่าง
- NYSE (New York Stock Exchange)
- NASDAQ (National Association of Securities Dealers Automated Quotations)
ทั้งสองตลาดมีเวลาเปิด-ปิดเหมือนกัน ดังนี้
เวลาทำการปกติ
- เวลาในนิวยอร์ก 09:30 น. – 06:00 น.
- เวลาประเทศไทย 21:30 น. – 04:00 น.
เวลาซื้อขายในช่วงก่อนและหลังตลาด
ช่วงก่อนตลาด
- เวลาในนิวยอร์ก 04:00 น. – 09:30 น.
- เวลาประเทศไทย 16:00 น. – 21:30 น.
ช่วงหลังตลาด
- เวลาในนิวยอร์ก 16:00 น. – 20:00 น.
- เวลาประเทศไทย 04:00 น. – 08:00 น.
โดยช่วงที่เปิดตลาด มักมีปริมาณการซื้อขายสูง เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกเข้ามาซื้อขายในช่วงนี้มากที่สุด ถือได้ว่าเป็นช่วงที่มีสภาพคล่องสูงสุด ในขณะที่การซื้อขายก่อนและช่วงหลังตลาด จะมีข้อดีที่ทำให้ซื้อขายหุ้นต่าง ๆ ได้ทันสถานการณ์ แต่มีข้อควรระวังคือสภาพคล่องต่ำและมีความผันผวนสูงกว่า
นอกจากนี้ส่วนที่ต้องระวังในการซื้อขาย คือการที่บางช่วงของปี สหรัฐจะปรับเวลา Daylight Saving Time ซึ่งส่งผลให้เวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้นเปลี่ยนไป 1 ชั่วโมง นักลงทุนไทยควรเช็กข้อมูลต่าง ๆ สำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในการซื้อขาย
ส่วนช่วงวันหยุดของตลาดหุ้นสหรัฐ มักจะปิดในวันหยุดสำคัญ เช่น วันปีใหม่, วันชาติสหรัฐ และวันขอบคุณพระเจ้า ดังนั้นในช่วงเวลาดั่งกล่าว ผู้ลงทุนควรวางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับเวลาต่าง ๆ ให้ดี
จะเห็นได้ว่าช่วงระยะเวลาต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ และการติดตามข่าวสารสำคัญ อย่าง ข่าวเศรษฐกิจ รายงานผลประกอบการ และเหตุการณ์สำคัญในสหรัฐ เช่น การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นได้
อยากลองเริ่มต้นลงทุนกับตลาดหุ้นอเมริกาไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คุณคิด เพียงแค่เริ่มต้นลงทุนง่าย ๆ ไปกับ Webull แพลตฟอร์มเทรดหุ้นและอนุพันธ์ที่ใช้งานง่าย เต็มไปด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ทันสมัย ค่าธรรมเนียมต่ำ และไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี! แถมยังเทรดได้ 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกลัวดีเลย์ระหว่างประเทศ แถมยังห้บริการเทรดออปชันสหรัฐฯ เพิ่มโอกาสในการลงทุนของคุณและศักยภาพการทำกำไรที่มากขึ้นอีกด้วย! คลิกสมัครเลย!
สรุป
ตลาดหุ้นอเมริกาเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่บริษัทต่าง ๆ จดทะเบียนเพื่อระดมทุนจากนักลงทุน โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นของบริษัทเหล่านี้ได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ เช่น NYSE (New York Stock Exchange), NASDAQ, และ AMEX (American Stock Exchange) ซึ่งในแต่ละตลาดจะเน้นการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากจะเลือกลงทุนหุ้นตัวไหน อาจจะต้องพิจารณาจากการเติบโต ลักษณะในการลงทุนว่าจะลงทุนระยยาว หรือลงทุนในระยะเวลาสั้นประกอบด้วย

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct