NYSE คืออะไร? ทำไมพอร์ตนักลงทุนถึงขาดไม่ได้





อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า ตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกานั้น หลัก ๆ มีอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ New York Stock Exchange (NYSE) และอีกตลาดก็คือ NASDAQ แล้วตลาดทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างไรนะ? มีอะไรบ้างที่เหล่านักลงทุนมือใหม่ควรรู้? ตามไปดูข้อมูลดี ๆ จากทาง แรบบิท แคร์ และ Webull ได้สรุปเอาไว้กันดีกว่า!
ตลาด NYSE คือ อะไรกันนะ?
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า NYSE หรือ New York Stock Exchange เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ทั้งในแง่มูลค่าตลาด บริษัทที่จดทะเบียน และประวัติศาสตร์อันยาวนาน เรียกได้ว่า NYSE ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการเงินโลกและเป็นศูนย์กลางของบริษัทระดับโลกหลายแห่งก็ว่าได้
เนื่องจากเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีประวัติการก่อตั้งมาอย่างยาวนาน ทำให้ NYSE ประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง บริษัทที่มีเสถียรภาพทางการเงินสูง และมีประวัติยาวนานตามไปด้วย โดยกว่า 80% ของการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้เป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Berkshire Hathaway Inc., Taiwan Semiconductor, Walmart, Visa, Eli Lilly เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีหุ้นตัวอื่น ๆ ที่น่าสนใจให้คุณได้ลองศึกษาในกรณีต่าง ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น
NYSE: SNOW – Snowflake Inc.
- ประเภทธุรกิจ : Cloud Data Platform
- กลุ่มอุตสาหกรรม : เทคโนโลยี / ซอฟต์แวร์
Snowflake เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ให้บริการ Data Cloud ซึ่งช่วยองค์กรจัดเก็บ วิเคราะห์ และแบ่งปันข้อมูลผ่านระบบคลาวด์ และได้รับการสนับสนุนจาก Amazon Web Services และ Microsoft Azure ซึ่งเป็นหนึ่งใน IPO ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทซอฟต์แวร์ในปี 2020 ทำให้เป็นหุ้นที่น่าจับตามองและมีการเติบโตสูงแม้จะยังไม่มีกำไรสุทธิ
ทั้งนี้หุ้นประเภทนี้จะเหมาะกับนักลงทุนนระยะยาวที่เชื่อมั่นในอนาคตของ Data & AI หรือเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาหุ้นเติบโตไว้ติดพอร์ตการลงทุน
NYSE: GME – GameStop Corp.
- ประเภทธุรกิจ : ค้าปลีกวิดีโอเกม / สินค้าอิเล็กทรอนิกส์
- กลุ่มอุตสาหกรรม : สินค้าอุปโภคบริโภค
GameStop เป็นบริษัทค้าปลีกที่จำหน่ายวิดีโอเกม ฮาร์ดแวร์เกม และสินค้าเกมมิ่งทั้งใหม่และมือสอง ซึ่งในปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และยุโรป
หลังจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในฟอรั่ม Reddit (WallStreetBets) ร่วมกันซื้อหุ้น GME เพื่อบีบบรรดากองทุนที่ “short sell” ไว้ ผลทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น โดยเหตุการณ์นี้ถูกรู้จักในชื่อของ “meme stock” ในปี 2021
จากเหตุการณ์ดั่งกล่าว กลายเป็นเคสศึกษาทางพฤติกรรมการลงทุนครั้งใหญ่ที่น่าสนใจ ถึงแม้จะเป็นหุ้นที่มีความนิยมในช่วงสั้น ตัวหุ้นมีความผันผวนสูงมากจากแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อย แต่ก็ได้รับความสนใจระดับโลกจากสื่อและนักลงทุน
ทั้งนี้ทาง GameStop ใช้โอกาสนี้ออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่อง และพยายามเข้าสู่หนทางของอีคอมเมิร์ซ แต่ด้วยความเสี่ยงที่ยังสูงอยู่ ทำให้หุ้นตัวนี้จะเมหาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากกว่ามือใหม่หัดลงทุน
NYSE: NIO – NIO Inc.
- ประเภทธุรกิจ : ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
- กลุ่มอุตสาหกรรม : ยานยนต์
NIO เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ถือเป็นหนึ่งในคู่แข่งขันกับ Tesla สิ่งที่ทำให้บริษัทนี้น่าสนใจ คือ มีนวัตกรรมรถที่โดดเด่น เช่น Battery Swap Stations เปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติแทนการชาร์จ
นอกจากนี้ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มองหาโอกาสในตลาด EV จีน แต่ทั้งนี้ราคาหุ้นยังมีความผันผวนตามนโยบายภาครัฐและการแข่งขันภายในประเทศ ทำให้หุ้นนี้จะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการ ถือหุ้น EV ของจีน หรือต้องการลงทุนในระยะยาว และเข้าใจความผันผวนจากความเสี่ยงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

แล้ว NYSE Composite Index คืออะไร กันนะ?
NYSE Composite คือดัชนีที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนซื้อขายอยู่ใตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) โดยครอบคลุมทั้ง
- หุ้นสามัญ
- หุ้นกองทุนอสังหาริมทรัพย์
- หุ้นตราสารทุนประเภท ADRs (American Depositary Receipts)
- หุ้นของบริษัทต่างประเทศที่จดทะเบียนใน NYSE
โดยรวมแล้ว ดัชนีนี้สะท้อนภาพรวมของทั้งตลาด NYSE นักลงทุนมักจะใช้ประกอบการตัดสินใจ และใช้อ้างอิงถึงภาพรวมตลาดว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ช่วยให้ตัดสินใจในการลงทุนได้มากยิ่งขึ้น โดยจะใช้วิธี Market Capitalization Weighted ในการคำนวณ
แล้วแบบนี้ NASDAQ กับ NYSE ต่างกันอย่างไร?
NASDAQ กับ NYSE เป็นสองตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ทั้งสองตลาดล้วนมีบทบาทสำคัญในการซื้อขายหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ แต่ลักษณะของทั้งสองตลาดจะมีความแตกต่างกันอยู่ โดยเราสามารถเปรียบเทียบได้ ดังนี้
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง NASDAQ และ NYSE
NASDAQ | NYSE | |
ลักษณะของตลาด | ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ | ตลาดแบบผสม มีทั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ + มีคนกลาง) |
ลักษณะบริษัทที่จดทะเบียน | เน้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น Apple, Microsoft, Amazon, Nvidia | บริษัทขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม เช่น Coca-Cola, Walmart, JPMorgan Chase |
ความเร็วในการซื้อขาย | สูงมากเพราะทั้งหมดเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด | ช้ากว่าเนื่องจากมีการประมูลโดยมนุษย์ในบางกรณี |
รูปแบบการตั้งราคาหุ้น | ใช้ระบบ Market Maker ให้หลายรายเสนอราคาแข่งขันกัน | ใช้ระบบ Specialist มีผู้ควบคุมราคาหลักรายเดียวต่อหุ้น |
สัญลักษณ์หุ้น | ส่วนใหญ่เป็นตัวอักษร 4 ตัว เช่น AAPL, MSFT | ส่วนใหญ่เป็นตัวอักษร 1-3 ตัว เช่น KO (Coca-Cola), IBM |
ดังนั้น หากให้เราสรุปแบบเข้าใจง่าย NASDAQ เป็นตลาดของบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่า 15% ต่อปี มีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างสูงแลกกับความผันผวนด้านตลาดที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่ NYSE เป็นตลาดของบริษัทดั้งเดิมขนาดใหญ่ ลักษณะการเติบโตจะค่อนข้างมั่นคงและสม่ำเสมอ ความผันผวนจะต่ำกว่า
ซึ่งหากเราเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ ก็จะช่วยให้เราสามารถวางแผนต่าง ๆ ในด้านการลงทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้ว่าทั้ง NASDAQ และ NYSE นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นพอร์ตการลงทุนที่น่าสนใจทั้งคู่ และสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นวางแผนการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ดูบ้าง หรืออยากกจะเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทสก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ เราสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ง่าย ๆ ด้วย แพลฟอร์มอย่าง Wbull
Webull คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้เหล่านักลงทุนในไทยนั้น ลงทุนกับตลาดหุ้นต่างประเทศได้ง่าย ๆ อำนวยความสะดวกสบายให้คุณสามารถซื้อ-ขายหุ้นได้ทันที ไม่ต้องกลัวดีเลย์ระหว่างประเทศ เพราะสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชม. ค่าธรรมเนียมต่ำ ช่วยให้การเทรดคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เชื่อถือได้เพราะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจจาก ก.ล.ต. คลิกสมัครเลย!
สรุป
NYSE คือ หนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นทที่เน้นความมั่นคงในระยะยาว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct