แคร์การเงิน

รู้จักกับ ผู้จัดการมรดก บุคคลสำคัญที่ขาดไม่ได้!

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด ผู้พยายามเข้าใจมักเกิ้ล นิยมชมชอบกลางคืน สามารถผูกมิตรได้ด้วยของกินอร่อยๆ ตอนนี้กำลังหลบลี้หนีภัยจากออฟฟิศซินโดรมอยู่

close
Published May 06, 2022

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ผู้จัดการกองมรดกนั้น เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีทรัพย์สินเยอะ ๆ มีมรดกให้ลูกหลานมากมาย แต่รู้หรือไม่? มนุษย์เงินเดือนธรรมดาทั่วไปก็สามารถมีผู้จัดการกองมรดกได้ แต่ในทางกฎหมายจำเป็นต้องมีด้วย! ทำไมถึงเป็นแบบนั้นกันนะ แล้วผู้จัดการกองมรกดกมีหน้าที่อะไรบ้าง วันนี้ แรบบิท แคร์ มีคำตอบ!

ประกันสุขภาพที่คุณเลือกเองได้ พร้อมชำระได้หลากหลายช่องทาง
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    ผู้จัดการมรดกคือใครกัน?

    ผู้จัดการกองมรดก คือ ผู้เข้ามาทำหน้าที่รวบรวม ทำบัญชี และแบ่งปันทรัพย์สินหรือที่เราเรียกกันว่า มรดก ของผู้ตายให้กับทายาทหรือผู้ที่มีสิทธิรับมรดกในอัตราส่วนตามกฎหมาย โดยที่มาของผู้จัดการกองมรดก สามารถมาได้จากสองช่องทาง คือ 

    • ผู้ที่ผู้ตายระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้จัดการมรดก โดยผู้จัดการกองมรดกที่ได้รับการแต่งตั้งจะเข้ามาจัดการมรดกให้ทันที โดยไม่ต้องรอยื่นให้ศาลแต่งตั้งให้ ยกเว้นแต่ทายาทผู้มีสิทธิคัดค้าน

    • ผู้ที่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งผู้ที่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลให้แต่งตั้งได้ ก็คือ ทายาท (ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม), ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (เช่น เจ้าหนี้ ผู้แทนโดยชอบธรรมของทายาท หรือผู้จัดการกองมรดกโดยพินัยกรรม เป็นต้น) และอัยการ

    โดยผู้จัดการกองมรดกไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทของเจ้ามรดก แต่จะเป็นใครก็ได้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลและได้รับการยินยอมจากตัวได้รับการแต่งตั้งเอง

    ตัวอย่าง 

    คุณแคร์ เป็นเพื่อนของ คุณใส่ใจ และคุณใส่ใจได้ระบุชื่อคุณแคร์เป็นผู้จัดการกองมรดกได้ หากคุณแคร์รับรู้ และยินยอมก็จะได้เป็นผู้จัดการกองมรดกให้คุณใส่ใจ แต่หากคุณแคร์ปฎิเสธ สามารถให้ทายาทผู้รับมรดกของคุณใส่ใจจัดหาผู้จัดการกองมรดกใหม่ได้

    หรือ

    คุณห่วงใย เป็นทายาทโดยธรรมที่จะได้รับมรดกจาก คุณกระต่าย เมื่อคุณกระต่ายไม่ได้ทำพินัยกรรมทิ้งไว้ หรือทำทิ้งไว้แต่ไม่ได้ระบุชื่อผู้จัดการกองมรดก หากคุณสมบัติคุณห่วงใยครบถ้วน ก็สามารถยื่นต่อศาล และพร้อมคำรับรองจากทายาทคนอื่น ๆ เพื่อให้ตนเป็นผู้จัดการกองมรดกได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ ผู้จัดการกองมรดกยังมีหน้าที่นำมรดกของผู้ตายไปชำระหนี้สินของเจ้ามรดกแก่เจ้าหนี้ ทำบัญชีมรดก และรายการแสดงบัญชีการจัดการ โดยต้องจัดการไปในทางที่เป็นประโยชน์แก่มรดก เช่น ผู้จัดการมรดก มีอำนาจขายที่ดินมรดกเพื่อนำไปใช้หนี้สินของผู้ตายได้ หากเสียงส่วนใหญ่จากทายาทได้รับความยินยอม

    แต่ในกรณีที่ผู้จัดการกองมรดกไม่ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เช่น ปิดบังมรดกต่อทายาท, ไม่แบ่งมรดกให้ทายาท, มีการแบ่งมรดกที่ทางทายาทมองว่าไม่เป็นธรรม เป็นต้น เหล่าทายาทก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะทางทายาทฟ้องร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้จัดการมรดก และแต่งตั้งผู้จัดการกองมรดกใหม่ได้

    แล้วแบบนี้ หน้าที่ของผู้จัดการมรดก มีอะไรบ้างนะ? 

    ทำความเข้าใจกันก่อนว่า ผู้จัดการกองมรดกนั้นจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นการแบ่งมรดกไม่มีพินัยกรรม หรือมีการทำพินัยกรรมไว้ แต่ไม่มีการแต่งตั้งชื่อผู้จัดการกองมรดก ทั้งนี้ก็เพื่อความโปร่งใสในการแบ่งทรัพย์สินให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก

    เมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้ว ทางศาลจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งให้หน้าที่ของผู้จัดการมรดก ดังต่อไปนี้

    1. จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน และต้องจัดทำให้เสร็จภายใน 1 เดือน หากไม่เสร็จก็สามารถขออนุญาตต่อศาลขยายระยะเวลาอีกได้

    ซึ่งบัญชีทรัพย์มรดก ต้องประกอบด้วย รายการแสดงทรัพย์สิน, สิทธิเรียกร้อง, เงิน, มูลค่า และแจ้งจำนวนเจ้าหนี้ เป็นเงินรวมเท่าใด และต้องมีพยานรับรอง 2 คน โดยหนึ่งในพยานจะต้องเป็นทายาทที่มีส่วนได้เสียในกองมรดกด้วย

    ถ้ามิได้จัดทำให้เสร็จภายในกำหนดเวลา และตามแบบที่กำหนด หรือบัญชีไม่เป็นที่พอใจแก่ศาล เพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือการทุจริต หรือความไม่สามารถอันเห็นประจักษ์ของผู้จัดการมรดก ศาลจะถอนผู้จัดการมรดกเสียก็ได้

    2. ต้องจัดการทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการ และแบ่งปันมรดกแก่ทายาททั้งหมด ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งตั้ง โดยจำนวนเสียงข้างมากของทายาท หรือศาลจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

    3. ผู้จัดการมรดกไม่มีสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จจากกองมรดก เว้นแต่พินัยกรรมหรือทายาทจำนวนเสียงข้างมากจะได้กำหนดไว้

    4. จะทำนิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกไม่ได้ เว้นแต่พินัยกรรมจะได้อนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตจากศาล

    5. ต้องจัดการมรดกด้วยตนเอง

    6. ถ้าผู้จัดการมรดกเข้าทำนิติกรรมกับบุคคลภายนอก โดยเห็นแก่ทรัพย์สินอย่างใด ๆ หรือประโยชน์อื่นใดอันบุคคลภายนอกได้ให้ หรือได้ให้คำมั่นว่าให้เป็นลาภส่วนตัวย่อมไม่ผูกพันทายาท เว้นแต่ทายาทจะได้ยินยอมด้วย

    7. ต้องสืบหาโดยสมควรซึ่งตัวผู้มีส่วนได้เสีย และแจ้งไปให้ทราบถึงข้อกำหนดพินัยกรรมที่เกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสียนั้นภายในเวลาอันสมควร     

    8. ทายาทจะต้องบอกทรัพย์สินมรดกและหนี้สินของผู้ตายตามที่ตนรู้ทั้งหมดแก่ผู้จัดการกองมรดก

    9. ผู้จัดการกองมรดกต้องจัดแบ่งสินมรดกและมอบโดยเร็วโดยชำระหนี้กองมรดก(ถ้ามี)เสียก่อน

    ซึ่งหน้าที่ของผู้จัดการมรดกจะมีสถานะสิ้นสุดได้ จากเหตุดังนี้

    • ผู้จัดการกองมรดกตาย
    • ผู้จัดการกองมรดกลาออก ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากศาล แต่หากมีความเสียหายเกิดขึ้นในระหว่างทำหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ
    • ศาลมีคำสั่งถอนผู้จัดการกองมรดก
    • ตกเป็นบุคคลผู้มีคุณสมบัติต้องห้าม เช่น บุคคลล้มละลาย, บุคคลวิกลจริต หรือเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น
    • การจัดการมรดกสิ้นสุดลง และเป็นการเริ่มนับอายุความจัดการมรดก 5 ปี กรณีทายาทได้รับความเสียหาย

    เริ่มแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ต้องทำอย่างไร?

    อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ผู้จัดการกองมรดกสามารถมาได้ทั้งจากการแต่งตั้งที่พินัยกรรมระบุไว้ หรือได้มาโดยคำสั่งศาล เบื้องต้นแล้วการมีชื่อผู้ที่ถูกแต่งตั้งเอาไว้แล้วจะยุ่งยากน้อยกว่าการไม่ได้แต่งตั้งชื่อผู้จัดการกองมรดกเอาไว้

    โดยผู้จัดการกองมรดกไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก แต่สามารถเป็นใครก็ได้ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น แต่มีเงื่อนไขว่า ผู้ที่มีสิทธิยื่นคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกต่อศาล ต้องเป็นทายาทโดยธรรมซึ่งมีสิทธิได้รับมรดก หรือผู้ที่ได้รับมรดกตามพินัยกรรม หรืออาจเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสีย เช่น เจ้าของร่วมในทรัพย์สินของเจ้ามรดก หรือสามีภริยาซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรส และมีทรัพย์สินร่วมกัน เป็นต้น

    ซึ่งการร้องต่อศาลเพื่อแต่งตั้งผู้จัดการมรดก สามารถทำได้ โดยผู้จัดการกองมรดกเอง จำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

    • บรรลุนิติภาวะ อายุ 20 ปีบริบูรณ์
    • ไม่เป็นคนวิกลจริต, คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
    • ไม่เป็น บุคคลล้มละลาย

    จากนั้นเตรียมเอกสารประกอบการยื่นคำร้อง ดังนี้

    • เอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องกับผู้ตาย เช่น สูติบัตร, ทะเบียนสมรส, ทะเบียนบ้าน, บัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น
    • มรณบัตรของผู้เสียชีวิต
    • เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดก เช่น โฉนดที่ดิน, หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ห้องชุด, สมุดเงินฝากธนาคาร, ทะเบียนรถยนต์, ทะเบียนอาวุธปืน เป็นต้น
    • บัญชีเครือญาติ
    • หนังสือยินยอมให้เป็นผู้จัดการกองมรดกจากทายาท
    • พินัยกรรม (ถ้ามี)
    • หนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)

    นำเอกสารข้างต้น ไปยังศาลที่เจ้ามรดก (ผู้ตาย) มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลในขณะถึงแก่ความตาย หรือถ้าไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศ ให้ไปศาลทีทรัพย์ตั้งอยู่ โดยจะมีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมศาล, ค่าปิดประกาศแจ้ง ณ ภูมิลำเนาผู้ตายหรือที่ว่าการอำเภอ ตามอัตรานำหมายของศาล เป็นต้น

    เมื่อยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว จะนัดไต่สวนคำร้องประมาณ 2 เดือน หลังจากไต่สวนคำร้องเสร็จ 1 เดือน ผู้ร้องสามารถขอคัดสำเนาคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก พร้อมหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดเพื่อใช้ดำเนินการต่อไป

    สรุปแล้ว การยื่นขอแต่งตั้งผู้จัดการกองมรดก จะใช้ระยะเวลาราว ๆ 2 – 3 เดือน ดังนั้นแล้ว หากไม่ลำบากเกินไป เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องพบกับการแบ่งมรดกไม่มีพินัยกรรม เราอาจเริ่มต้นเขียนพินัยกรรม พร้อมมอบหมายให้บุคคลที่ไว้ใจเป็นผู้จัดการมรดกได้ตั้งแต่ช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เลย เพื่อลดความยุ่งยากในการดำเนินการเหล่านี้ได้ 

    รวมถึงการพยายามรวบรวมเอกสารสำคัญต่าง ๆ รวมถึงททรัพย์สินเตรียมพร้อมไว้ ก็ไม่เสียหาย เช่น โฉนดที่ดินต่าง ๆ , ทำประกันชีวิต หรือประกันต่าง ๆ ไว้ที่ใดบ้าง รวบรวมไว้เพื่อคนที่คุณรักจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นจัดการเอกสารภายหลังนั่นเอง 

    อะไรบ้างที่ถูกนับเป็นมรดก และผู้จัดการกองมรดกต้องจัดการ

    หากอธิบายกันให้เข้าใจง่าย ๆ สำหรับ มรดกหรือกองมรดก คือ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดจนสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์, ลิขสิทธิ์, สิทธิในเครื่องหมายการค้า, หุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน, สิทธิเรียกร้องที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินได้, หน้าที่และความรับผิดของเจ้ามรดก 

    และรวมถึงสิทธิต่าง ๆ บางประการ เช่น สิทธิเหนือพื้นดินซึ่งอาจโอนและรับมรดกกันได้, สิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ, สิทธิตามสัญญาซื้อขาย ขายฝาก, สัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่า, สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยที่นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง 

    ส่วนสิ่งที่ไม่ถูกนับว่าเป็นมรดกนั้น คือ สิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ ซึ่งตามกฎหมายหรือโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ เช่น สิทธิอาศัย, สิทธิเก็บกินซึ่งสิ้นไปเมื่อผู้ทรงสิทธิเก็บกินถึงแก่ความตาย, ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์, สิทธิการเช่าซึ่งเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่า เมื่อผู้เช่าตายไปสัญญาเช่าเป็นอันสิ้นสุดลง ไม่เป็นมรดกตกทอดไปยังทายาท และยังรวมไปถึง ทรัพย์สินที่ได้หลังจากผู้ตายเสียชีวิตอีกด้วย 

    นอกจากนี้ ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน หากว่ากองมรดกมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์มรดก เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเอาจากกองมรดกได้เพียงเท่าที่ทรัพย์มรดกมีอยู่ ทายาทไม่ต้องรับผิดเกินไปกว่านั้น ซึ่งนี่เอง คือหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะจัดการหนี้สินเหล่านั้น โดยหักจากมรดกที่มีอยู่ ก่อนนำไปจ่ายหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ให้

    และตามกฎหมายแล้ว มรดกต่าง ๆ จะตกทอดแก่ทายาทโดยสิทธิตามกฎหมายหรือโดยพินัยกรรม ซึ่งทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมาย เรียกว่า 

    • ทายาทโดยธรรม คือ ผู้สืบสันดาน หรือ ญาติผู้สืบทอดสายเลือดของผู้ตาย เป็นได้แต่เฉพาะบุคคลธรรมดาเท่านั้น เบื้องต้นแล้วการตกทอดมรดกจะนับตามลำดับขั้นไป ตั้งแต่ขั้นที่ 1 – 6 หากทายาทที่ได้รับมรดก มีหลายคน จะได้ส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกคนละเท่า ๆ กัน และคู่สมรสมีสิทธิได้ส่วนแบ่งเหมือนเป็นทายาทชั้นบุตร โดยมีเงื่อนไขว่าต้องจดทะเบียนสมรสเท่านั้น
    • ทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม หรือ ผู้รับพินัยกรรม คือ บุคคลที่ถูกระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมของผู้ตาย ไม่จำเป็นต้องมีเชื้อสาย หรือญาติกับผู้ตาย เป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

    ตัวอย่าง 

    คุณแคร์ ได้ทำพินัยกรรมไว้ให้ลูกหลานของตน รวมถึงคู่สมรส และได้ทำพินัยกรรมบางส่วน บริจาคให้กับองค์กรรักษาป่าไม้ รวมถึงคุณห่วงใย ผู้เป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือมาโดยตลอด

    หรือ

    คุณใส่ใจได้ทำประกันชีวิตออมทรัพย์ โดยลงชื่อผู้รับผลประโยชน์ให้กับ คุณเอ คู่รักเพศเดียวกัน แต่เมื่อคุณใส่ใจประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตโดยไม่ทันทำพินัยกรรม ทรัพย์สินอื่น ๆ จะถูกนับเป็นมรดกส่งต่อให้ทายาทโดยธรรมแทน แต่ถึงแม้ไม่ได้ทำพินัยกรรมทิ้งมรดกเอาไว้ แต่ประกันชีวิตออมทรัพย์ที่ได้ทำเอาไว้ ก็สามารถส่งต่อให้กับคุณเอได้ โดยไม่ต้องกังวลว่า จะมีผู้จัดการมรดกหรือญาติของคุณใส่ใจเข้ามาจัดการ

    จะเห็นได้ว่าเรื่องการแบ่งมรดกไม่มีพินัยกรรม และการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อย หากต้องการแบ่งเบาภาระเหล่านี้ลง การเริ่มต้นทำพินัยกรรมไว้แต่ต้นก็ไม่เสียหาย หรือการทำประกันชีวิตทิ้งไว้ให้กับคนที่คุณรักเอง ก็ถือว่าเป็นการทำพินัยกรรมทิ้งไว้ให้คนที่อยู่ข้างหลังได้ทันที

    สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะทำประกันชีวิตที่ไหนดี? หรือจะเลือกเปรียบเทียบทำประกันเจ้าไหน? นี่เลยกับ แรบบิท แคร์ ! ที่พร้อมห่วงใย ใส่ใจ ทั้งคุณ และคนที่คุณรัก ด้วยบริการเปรียบเทียบประกันต่าง ๆ ให้คุณได้เบี้ยประกัน และผลประโยชน์ที่ต้องการ

    สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก สร้างมรดกและพินัยกรรมได้เอง โดยไม่ต้องรอใครมาแบ่งมรดก แค่ทำประกันชีวิต กับ แรบบิท แคร์ คลิกเลย! 

    คัดมาให้แล้ว! ประกันรถสุดคุ้ม จากกว่า 30 บริษัทชั้นนำ

    รถของคุณยี่ห้ออะไร

    < กลับไป
    < กลับไป

    ระบุยี่ห้อรถของคุณ

    ระบุปีผลิตรถของคุณ


     

    บทความแคร์การเงิน

    แคร์การเงิน

    รวม 6 วิธี ในการลดหย่อนภาษี แถมช่วยวางแผนชีวิตดี ๆ ให้กับตนเอง

    ‘ลดหย่อนภาษี’ สิ่งที่ถ้าเป็นไปได้ผู้ที่ต้องยื่นภาษีทุกคนก็ล้วนแล้วแต่อยากทำ เมื่อเวลาที่ต้องยื่นภาษีเวียนมาอีกครั้ง แรบบิท แคร์
    กองบรรณาธิการ
    15/02/2024

    แคร์การเงิน

    อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ? ต้องทำอย่างไรจึงจะมีอิสรภาพทางการเงิน ?

    พูดถึงคำว่าอิสรภาพทางการเงิน (Financial Independence) สำหรับคนที่รู้ความหมายก็คงไม่มีใครที่ไม่อยากมี
    คะน้าใบเขียว
    03/01/2024